วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
เดิมชื่อวัดลีเชียง เป็นพระอารามของนครเชียงใหม่ มาแต่โบราณการ ประมาณ 700 ปีเศษ พระเจ้าผายูผู้ครองเมืองเชียงใหม่เป็นผู้สร้าง ต่อมารัสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาครองนครเชียงใหม่ เจ้ามหาพรหมได้เชิญพระศรีสิงห์มาจากเจ้าเมืองกำแพงเพชร เพื่อถวายแด่พระเจ้าแสนเมืองมา แต่พอราชรถมาถึงวัดลีเชียงมีเหตุให้ต้องอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดนี้จึงได้ชื่อเพิ่มว่า วัดลีเชียงพระ ต่อมาเรียกกันว่าวัดพระสิงห์ เมื่อ พ.ศ. 2315 เจ้ากาวิละ ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ วัดนี้นอกจากมีพระพุทธสีสิงห์ แล้วยังมีพระพุทธรูปที่สำคัญอีกองค์หนึ่งคือ พระเจ้า ทองทิพย์ เป็นศิลปและฝีมือ ตามตามแบบเชียงแสนในสมัยต้น สร้างเมื่อ พ.ศ. 2020 ด้วยทองแดง นาก และทองคำปนกัน เเละเมื่อ พ.ศ. 2483 ได้รับพระราชทานยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
วิหารลายคำ (วัดพระสิงห์)
ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทรสิหิงค์ มีจิตรกรรมฝาผนัง ผนังด้านซ้ายของพระประธานเป็นเรื่องสังข์ทองด้านขวาเป็นเรื่องสุวรรณหงส์ เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่แสดงถึงชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวเชียงใหม่วิหารลายคำสร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์มังราย ได้รับการทำนุบำรุงสืบต่อมาหลายสมัย พ.ศ. ๒๕๖๐ในสมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 2 โปรดให้ซ่อมครั้งใหญ่ ต่อมา พ.ศ.๒๔๒๔๙ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ ๒ โปรดให้ซ่อมและทำบุญฉลองวิหารนี้ กรมศิลปากรได้ซ่อมวิหารและจิตรกรรมฝาผนังในโอกาสสมโภชเชียงใหม่ ๒๐๐ ปี ใน พ.ศ.๒๕๓๙
กู่ลาย(วัดพระสิงห์)
เป็นเจดีย์ทรงปราสาท มีห้ายอดตั้งอยู่หลังวิหารลายคำ มีทางเชื่อมจากผนังด้านหลังวิหารเข้าสู่อุโมงค์ของกู่ลาย ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของล้านนา ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่ากู่ลายมีมาแต่โบราณ พระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มิงราย (พ.ศ. 2038-2068) ทรงสร้างไว้เมื่อ พ.ศ. 2359 พญาธรรมลังกา เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 2 โปรดให้ซ่อมแซม ขุดแต่ง พบของมีค่าจำนวนมาก ทรงให้บรรจุไว้ที่เดิมหลังจากบูรณะเสร็จแล้ว ได้มีการเฉลิมฉลองอย่างมโหฬาร