วัดสาแพะพนาราม

ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง

Wat Sa Phae Panaram 

Ban Sa Subdistrict, Chae Hom District, Lampang Province

(คลิ้กเพื่ออ่าน) ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดสาแพะพนาราม  27-9-2564 

ความเป็นมา

วัดสาแพะพนาราม (สาธุพระพุทธศิลาราม) เป็นอารามที่มีพระพุทธรูปศิลาหินจำนวนมากหลายปาง ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เริ่มสร้างวัดประมาณเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๗ อายุ ๒๐๗ ปี สร้างถาวรวัตถุทุกอย่างภายในอยู่ ๖๐ ปี ถึงได้ทำบุญฉลองสมโภชใหญ่ โดยมีหลวงปู่ครูบาชุมภูปฏิ ญาณะรังสี เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก จากนั้นเปลี่ยนเจ้าอาวาสเรื่อยมา จำนวน ๓๕ รูป จนถึงรูปปัจจุบันคือ พระครูสันติพนารักษ์ (ดร.ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนาสังคมสหรัฐอเมริกา) พ.ศ. ๒๕๓๙ เรื่อยมา ได้มาบูรณะถาวรวัตถุในวัดหลาย ๆ อย่าง เช่น สร้างพระอุโบสถ สร้างพระประธานแกะสลักปฏิมากรรมด้วยหินทรายสีชมพู หน้าตักกว้าง ๑๕๗ นิ้ว ปางตรัสรู้ สร้างใบเสมาธรรมจักรแกะสลักด้วยหิน เป็นพระพุทธรูปประจำวันทั้ง ๘ ปาง สร้างพระวิหารบุรพาจารย์เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ภายในพระวิหารบุรพาจารย์เมตตาธรรมค้ำจุนโลก มีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องในพระไตรปิฎกกำเนิดนรก, เปรต, อสูรกาย, เดรัจฉาน, มนุษย์, สวรรค์, พรหม, นิพพาน

ประวัติพุทธสถานพระพุทธบาทสี่รอยห้วยวิมุติ (ห้วยลุด)

ความเป็นมาตำนานพระเจ้าเลียบโลก กล่าวว่ายุคหนึ่งกัปป์ที่ว่างจากศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง มีพระโพธิสัตว์ ๕ พระองค์จุติจากสวรรค์ มีบุพกรรมเสวยชาติเป็นลูกกาเผือกไข่ออกมา ๕ ฟอง มีเทวดา ๕ ตนลงมาจุติเสวยบุพกรรมเป็นสัตว์ ๕ ชนิด คือ พญาไก่ ชื่อกกุสันธะ, พญานาค ชื่อโกนาคมนะ, พญาเต่า ชื่อกัสสปะ, พญาโค ชื่อโคตมะ, พญาราชสีห์ ชื่อศรีอารียะ ไข่ ๕ ฟอง เอาไข่ไปฟักรวมกันให้พญาไก่ โดยมีแม่พญาโคเป็นผู้ให้นมหน่อพระกุมาร จนอายุ ๓ ขวบนำไปถวายเป็นลูกพระฤาษี ซึ่งบำเพ็ญตนอยู่ในถ้ำใหญ่ สอนวิชาความรู้ต่าง ๆ พระฤาษีอยากให้หาประสบการณ์ พระกุมารทั้ง ๕ จึงรับคำพระฤาษีออกเดินทางไปแสวงหาความรู้ยังแดนมนุษย์ อาสาเป็นนายโคบาลลูกจ้างบ้านคฤหบดีอยู่คนละตำบล วันหนึ่งต้อนโคมาพักแรมในทุ่งหญ้าพบกันพอดีโดยบังเอิญ ในวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็เลยถามสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน ว่าวันนี้เรามาสมาทานเบญจศีล อธิษฐานร่วมกันก่อกองทราย นำดอกบัว ๕ ดอก ถึงผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงแล้วนั่งภาวนาถึงเที่ยงคืน มีเทวดาพกาพรหมลงมาบอกว่าเป็นผู้ให้กำเนิดด้วยบุพกรรม จึงให้พลัดพรากจากกันแต่กำเนิด เพื่อให้เห็นสัจธรรมของชีวิตเทวดาท้าวพกาพรหมจึงให้โอวาทต่าง ๆ แล้วก่อนลาจากถ้าลูกอยากบูชาพ่อแม่ให้บูชาด้วยน้ำมันงาชุบด้วยฝ้ายขาวฝั้น เป็นรูปตีนกาใส่พานสะตวงดอกไม้ ในวันขึ้น ๑๕ เพ็ญ เดือน ๑๒ ทุกปี พ่อแม่ก็จะลงมาพบลูก จากนั้นพระกุมารทั้ง ๕ ก็ตั้งหน้าบำเพ็ญตนบวชเป็นฤาษีจนได้บรรลุฌานสมาบัติรู้ภพชาติอดีตอนาคต กล่าวถึงพ่อแม่พญาสัตว์ทั้ง ๕ ผู้มีพระคุณได้ขอนามชื่อแม่ฝากไว้ เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจากนั้นอีกยาวนานกาลไกลพระกุมารทั้ง ๕ เวียนว่ายตายเกิด ได้พบผ่านศาสนาพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ได้บำเพ็ญตนจนบารมีแก่กล้า มาตรัสรู้เป็นเป็นพระพุทธเจ้าตามลำดับ ๕ พระองค์ องค์แรกกกุสันโธ, องค์ที่สอง โกนาคมโน, องค์ที่สาม กัสสโป, องค์ที่สี่ ชื่อโคตรโม, องค์ที่ห้า ชื่อศรีอาริยเมตไตรโย, องค์ที่หนึ่งมาตรัสรู้ก่อนโปรดสรรพสัตว์ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั่วจักวาล แล้วได้มาประทับรอยไว้ที่ต้นกำเนิดตนในอดีตชาติตอนเป็นลูกพญากาเผือก กำเนิดออกมาจากไข่มาเป็นมนุษย์สิ้นศาสนาพระพุทธเจ้าองค์แรกไปอีกนาน องค์ที่สององค์ที่สามองค์ที่สี่ และองค์ที่ห้าก็จะมาประทับรอยไว้ในที่เดียวกันที่เคยสร้างบารมีเป็นพี่เป็นน้องร่วมท้องมารดาเดียวกันมา สาเหตุที่ชื่อว่า รอยพระพุทธบาทห้วยวิมุติหลุดพ้นนั้น มีผู้มาบรรลุสำเร็จธรรมเป็นจำนวนมาก มีพญาช้างผู้ก่ำงาเขียวช้างทรงพระเจ้าจักรพรรดิมายกย้ายรอยพระพุทธบาทไปมา ยกแล้วมาหลุดไว้ตรงห้วยนี้เลยเรียกว่า ห้วยหลุด

ประวัติถ้ำฉัตรมงกุฎพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์

เป็นที่ปฏิบัติธรรมอาศรมของพระฤาษียุคโบราณ พระกุมารทั้ง ๕ พระองค์ ศึกษาวิชาความรู้กับปู่ฤาษี และต่อมาบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ในถ้ำและนอกถ้ำ ยุคพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์และพระสาวกก็มาบำเพ็ญพักอาศัย คนโบราณก่อก้อนหินเป็นรูปทรงเจดีย์ใหญ่มาก และสังเกตุดูก้อนหินเป็นรูปร่างคน, สัตว์, เทพ, แดนหิมพานเต็มไปหมด มองดอยรูปร่างเหมือนพุทธมารดานอนหงายหนุนหมอนทรงพระครรภ์ ในครรภ์มีพระโพธิสัตว์เป็นมนุษย์สัตว์ และเหล่าเทพเทวา เพราะว่าดินแดนแถบนี่เป็นดินแดนพุทธภูมิที่ตำนานพระโพธิสัตว์พระฤาษีเหล่ามนุษย์อมนุษย์มาอยู่อาศัยบำเพ็ญบุญบารมี เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระอัครสาวก เป็นพระอรหันต์ และเป็นภิกษุภิกษุณีอุบาสกอุบาสิกา ปรารถนาตามรอยพระพุทธเจ้าทั้งหลายเพื่อไปสู่พระนิพพาน 

ประวัติถ้ำผาลำปางวิมานหมอก

เป็นถ้ำลักษณะหน้าผาสูงขึ้นไปเป็นชั้น ๆ หลายห้อง เหมือนวิมานในหน้าฝน หน้าหนาวจะมีหมอกผ่านเข้าออก เป็นที่คนยุคหินโบราณเอาสมบัติขวานหินฝั่งไว้กับหม้อบรรจุกระดูก ชั้นบนสูงสุดห้องโถงลักษณะทรงวิหาร สันนิฐานว่าน่าจะเป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถเข้าฌานสมาบัติของพระพุทธเจ้า และพระสาวกมีรอยพระพุทธบาทนั่งประทับเหยียบฝาผนังถ้ำจมเข้าไปลึก ๒ เมตร เป็นที่อัศจรรย์

พระครูสันติพนารักษ์ ดร. เจ้าอาวาสวัดสาแพะพนาราม