หลังจากที่นั่งอ่านรีวิว สืบเสาะ และเป็นสายท่องเที่ยวอยู่นาน วันนี้ขอลงมือขัดเกา บอกเล่าสิ่งที่ได้ไปเที่ยวมาที่วังเวียง – เวียงจันทน์ นักเดินทางทั้งหลายที่เคยไปแล้ว เชื่อว่าอยากกลับไปซ้ำเหมือนเราอีกแน่นอน แล้วมันมีอะไรดีกันละ ทำไมใครๆ ถึงอยากกลับไป? และสำหรับใครที่กำลังอยากไปเที่ยวต่างประเทศ และอยากใช้งบน้อยๆ เราขอแนะนำที่ประเทศลาวเลยจริงๆ โดยส่วนตัวแล้วทั้งทริปนี้ไป-กลับ รวมค่ากินอยู่แล้วประมาณ 6000 บาทไทย มาดูแพลนการท่องเที่ยวและการเดินทางและงบประมาณที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของพวกเรากันดีกว่า
Pre Day 1 เริ่มต้นวันแรกกันเลยดีกว่า เป็นทริปที่เราตื่นเต้นมาก หลังจากที่พวกเราเรียนจบมหาวิทยาลัยกัน แกงค์พวกเราก็ไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลๆ กันอีกเลย นี่จึงเป็นเหมือน First Trip ของพวกเราอีกครั้ง ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 9 คน ผู้หญิงล้วนๆ ทริปนี้จึงออกแนวเป็นทริปเม้าส์มอยสไตส์ๆ ผู้หญิง พวกเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนของเพื่อนต่างมาร่วมแจมในทริป แม้ว่าจะไปสนิทกันมาก่อน แต่การมาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้ทำให้ทุกคนกลับไปสนิทกันอีกครั้ง
การเดินทางของพวกเราเริ่มต้นขึ้น เรานัดกันขึ้นรถที่สถานีโดยสารนครชัยแอร์ ตรงวิภาวดี ในช่วงเวลา 20.00 น. และจุดเริ่มต้นของความสนุกก็อยู่ที่นี่
เมื่อถึงเวลา รถมาจอดรอเทียบท่า และออกเดินทางในเวลา 21.40 น. ตรงเวลาเป๊ะๆ มาก และนี่คือหน้าตาของรถที่จะพาพวกเราไปยังอุดรธานี
เวลา : 21.40 – 06.30 ใช้เวลาประมาณ 8 ชม.
ค่าใช้จ่าย : 490 บาท ต่อที่นั่ง
ตรงด้านหน้าที่ซื้อตั๋ว เค้ามีตู้ไว้ให้บริการซื้อตั๋วหรือพิมพ์ตั๋วโดยสารด้วยตัวเองแล้วด้วยนะ
นครชัยแอร์ gold class มีที่นั่งทั้งหมด 32 ที่นั่ง และทุกที่นั่งจะมีผ้าห่มไว้ให้อยู่ที่เบาะเรียบร้อย
ในระหว่างที่รถออกก็จะมีน้องพนักงานเดินมาคอยให้บริการ บนรถที่เราโดยสารมาไม่ได้จอดแวะพักที่ไหน มีห้องน้ำในตัว (ห้องน้ำสะอาดมากไม่สกปรกเหมือนอย่างรถทัวร์แบบที่เคยเจอมาก่อน ถือว่าโชคดีของกะเพราะปัสสาวะเลยก็ว่าได้ ไม่งั้นเราคงไม่กล้าเข้าแน่นอน) บนรถน้องพนักงานคนสวยจะเดินมาแจกขนม นม น้ำผลไม้ น้ำเปล่า และเบอร์เกอร์ให้เมื่อรถออกไปได้สักระยะ แล้วก็จะยิงยาวไปยังอุดรกันเลยจ้า
Day 1 : หลังจากที่รถออกเดินทางจากกรุงเทพ เช้านี้ก็มาสว่างกันที่อุดรในช่วงเวลา 6.30 กว่าๆ อากาศยามเช้าที่อุดรค่อนข้างดีมากถ้าเทียบช่วงเวลาเดียวกันในกรุงเทพฯ ป่านนี้น่าจะร้อนแล้วก็ได้ แต่ที่นี่อากาศเย็นๆ มองดูอุณหภูมิในตอนนั้นประมาณ 20 องศากว่าๆ ถึงแล้วก็ต้องหาห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว แปรงฟัน ที่บขส.นี้มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ไว้ให้บริการ พอมาเช้าๆ คนก็จะแน่นหน่อยๆ
ค่าเข้าห้องน้ำ (ครั้งละ) 5 บาท
จากที่ทั้งนั่งทั้งนอนหลับบ้างไม่หลับบ้างเมื่อคืน เช้าๆ แบบนี้ก็หาอะไรรองท้องกันก่อน แล้วก็ไปเจอร้านโจ๊กข้างๆ บขส.อุดร ไม่รอช้าพุ่งตรงไปทันที
มื้อนี้กินโจ๊กกับปาท่องโก๋ พร้อมโอวัลตินร้อนๆ จากที่เพลียๆ เมื่อคืนก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยทันที
ค่าอาหารเช้า : โจ๊ก 25 บาท , โอวัลติน 10 บาท , ปาท่องโก๋ 10 บาท รวมทั้งหมด 45 บาท
กินอิ่มแล้ว ก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อไปยังเป้าหมายของเรา เมื่อถึงเวลา 8.30 รถอุดร – วังเวียงก็มาจอดเทียบท่า พวกเราก็ไม่รอช้ารีบขึ้นไปนั่งรอบนรถเลย (เราเลือกที่จะซื้อตั๋วออนไลน์ผ่านหน้า http://www.pns-allthai.com ราคาตั๋วแพงกว่านิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าไปเสี่ยงซื้อที่บขส.เผื่อเต็ม หรือเผื่อไม่ได้นั่งด้วยกัน ราคา 365 บาทต่อที่นั่ง ราคาปกติ 320 บาท รถมีรอบเดียวนะจ้ะ อย่ามาถึงช้ากันน้าาาา)
เวลา : 09.00 – 16.00 ใช้เวลาประมาณ 7 ชม.
ค่าใช้จ่าย : 365 บาท ต่อที่นั่ง
พอขึ้นมานั่งบนรถได้สักพัก รถก็เริ่มออกเดินทาง รถคันนี้ไม่มีห้องน้ำ เพราะฉะนั้นต้องทำธุระต่างๆ ให้เสร็จก่อนขึ้นรถนะคะทุกคน….รถจะวิ่งตรงจากบขส.อุดรธานี แล้วไปจอดแวะรับคนที่หนองคาย(จอดไม่นาน แต่มีจุดเข้าห้องน้ำ เพราะงั้นเข้าห้องน้ำตรงนี้กันก่อนก็ได้) สำหรับใครที่กลัวเมารถ เมาระยะทาง แนะนำว่าให้ซื้อยาแก้เมารถ แก้อาเจียน แล้วกินก่อนขึ้นรถก็ดีนะ
ขึ้นมาบนรถจะมีพี่พนักงานมาแจกใบ Immigration Department LAO PDR ซึ่งมีสองส่วน ทั้งขาใบและขากลับ ในส่วนของขาใบต้องยื่นให้ตอนฝั่งด่านของประเทศลาว และเก็บในส่วนของขากลับไว้ให้ดีๆ นะอย่าทำหาย เดี๋ยวกลับประเทศไทยไม่ได้หนา เรารีบกรอกให้ครบตอนอยู่บนรถ พอรถจอดจะได้ไม่เสียเวลาต้องกรอก
รถโดยสารวิ่งตรงมาเรื่อยๆ จากสถานีขนส่งทางหนองคาย ก็จะมาสิ้นสุดที่ด่านหนองคายของประเทศไทย ถึงแล้วด่านหนองคายตรงด่านนี้เราต้องทำการตรวจเอกสาร ด่านหนองคายตรงนี้ยังไม่เสียค่าใช้จ่าย
ยื่นหนังสือเดินทางและต่อแถวเพื่อรอสแกนหน้าและลายนิ้วมือกันเลย
เสร็จจากด่านหนองคายตรงนี้แล้ว จากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถต่อไปยังด่านชายแดนไทยลาว คนขับจะจอดให้ผู้โดยสารลง พวกเราต้องมาต่อแถวเพื่อยื่น Imgration ให้กับเจ้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พอเห็นหน้าเจ้าที่ตม.ที่นี่หน้าจะไม่ค่อยยิ้มหน่อยๆ เราก็เข้าใจว่าอาจจะเหนื่อย แต่อยากบอกว่ายิ้มสู้นะจ้ะ
เราต่อแถวไม่นาน ก็ต้องไปซื้อบัตร One way ticket เพื่อข้ามผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปยังในเขตประเทศลาวอย่างสมบูรณ์
ค่าใช้จ่ายOne way ticket : 5 บาท หรือ 1,000 กีบ (วันหยุดเสาร์อาทิตย์จะ 45 บาท)
สำหรับใครที่ยังไม่ได้แลกเงิน เราแนะนำว่าให้แลกเงินจากตรงด่านลาวตรงนี้ได้เลย สามารถเอาเงินไทยไปแลกเป็นเงินกีบได้เลย (Rate ช่วงที่เราไปอยู่ที่ 1 บาท = 265 กีบ ) จริงๆ พวกเราจะแลกเงินตรงนี้ แต่คนขับและกระเป๋าเร่งมา อีกทั้งผู้โดยสารคนอื่นก็รอบนรถ ทำให้พวกเราไม่ได้แลกเงินกันจุดนี้ แต่กระเป๋าบอกพวกเราว่าเดี๋ยวจะแวะจอดให้แลกเงิน(พวกเราก็เลยโล่งใจ)
ขึ้นรถมาแล้วเราก็จะผ่านสะพานมิตรภาพไทยลาว เย๊ๆ เรามาเที่ยวต่างประเทศกันแล้ว
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ข้ามสะพานมิตรภาพฯ ก็ถึงช่วงเวลาทรมานก้นกันหน่อยแล้วระหว่างทางที่มา จากคำบอกเล่า หลายต่อหลายปาก หลายกระทู้ พอได้มาเจอจริงๆ แล้ว อยากบอกเลยว่า (จริงฝุดๆๆ) คือทางไม่ได้ดีอย่างทีคิด แต่ก็ไม่ได้แย่มากกว่านี้ จะเป็นช่วงๆ ที่ทางขรุขระ รถก็จะส่ายไปมา และด้วยความที่เป็นช่วงขึ้นลงเขา ต้องบอกว่านับถือคนขับจริงๆ ที่จะประคองรถให้ได้อยู่ขนาดนี้ บางช่วงถนนเป็นทางแคบและรถทัวร์คันก็ใหญ่ จะมีบางช่วงที่สวนกันกับรถสิบล้อบ้าง รถกระบะบ้าง บางทีนั่งไปก็ไม่กล้าหลับเหมือนกันนะ
เมื่อนั่งต่อได้เกือบครึ่งวันรถก็มาหยุดจอดให้ร้านอาหารแห่งหนึ่งทางลาว (ไม่รู้ร้านอะไร แต่เห็นทัวร์ชอบจอดเยอะ) เพื่อแวะเข้าห้องน้ำห้องท่า และทานอาหารกลางวันกันที่นี่ รวมถึงแลกเงินไทยเป็นเงินลาวได้เลยที่นี่
ปาเต้ ของขึ้นชื่อของลาวเลยก็ว่าได้ แต่เราไม่ได้กินปาเต้นะ พวกเราเลือกกินอาหารหนักๆ อย่างอาหารตามสั่งกันไปเลย
ค่าใช้จ่าย ค่าข้าวในมื้อนั้น : ข้าว 18,000 กีบ และ น้ำ 2,000 กีบ
พวกเราแลกเงินกันที่นี่ การเที่ยวของพวกเราในครั้งนี้ พวกเราแลกเงินกันไปคนละ 2500 บาท ได้มาเป็นเงินกีบประมาณ 380,000 กีบ รวยสุดๆ ไปเลยหล่ะ
แลกเงินแล้วก็ซื้อซิมกันตรงนี้เลย ซิมเป็นแบบเน็ต 3G 5GB ของ Lao Telecom ตรงนี้คนขายก็ยืนบริการทั้งแกะซิม เติมโปรทำให้เสร็จสรรพ
ค่าซิม : 150 บาท (ใช้ได้ 7 วัน) เสร็จจากซื้อซิม กินข้าวกลางวันแล้ว ทำธุระต่างๆ นานาแล้วก็ขึ้นไปนั่งรถต่อกันเลย (ยืดเส้นได้ไม่นานไปปวดก้นกันต่อจ้า)
และแล้วเวลาแห่งความจริงก็มาถึง มองดูนาฬิกา 16.00 OMG!!! เรามาถึงวังเวียงกันแล้ว และนี่คือท่ารถที่รถทัวร์ของเรามาจอดให้ลงกันตรงนี้จ่ะ
ลงรถมาได้ก็พุ่งตรงหาห้องน้ำหน่อย เป็นสถานีลงรถที่โคตรน่ากลัวเลยพูดจริงๆ ห้องน้ำก็น่ากลัว แต่จำใจต้องเข้า เพราะปวดมากกกกไม่ไหวแล้ววววว
เนื่องจากเราต้องไปเวียงจันทน์กันต่อ ก็เลยต่อแถวซื้อตั๋วเพื่อไปเวียงจันทน์จากท่ารถตรงนี้เลย นายท่าบอกว่า วันที่จะไปเวียงจันทน์จะมีรถไปรับถึงที่พักในเวลา 9.00 เราก็เลยบอกที่พักเค้าไป
ค่าโดยสาร : ประมาณ 300 บาท (จำราคาแน่นอนไม่ได้) จ่ายได้ทั้งเงินไทยและเงินกีบ
จากตรงนี้จะเข้าไปสู่วังเวียงจะมีรถสองแถว ไว้คอยให้บริการรับส่ง(ฟรี) ไปถึงยังตัววังเวียงเลย ซึ่งไม่ไกลนัก แต่ไม่แนะนำให้เดิน นั่งรถเถอะจ้ะ
และนี่คือรถที่พวกเราโดยสารจากจุดที่ลงรถทัวร์จากอุดร เพื่อเข้าไปยังวังเวียง และโฉมหน้าเพื่อนๆ ผู้ร่วมทริปของเราในครั้งนี้
พวกเรานั่งรถคันนี้ต่อเข้าไปยังในตัวเมืองวังเวียง และแล้วก็มาถึงเสียที ลุงจอดให้พวกเราเดินต่อไปยังที่พัก จริงๆ แถวนี้เดินได้ทุกซอย แต่ในตอนแรกเราไม่ใช่เจ้าถิ่นก็เลยไม่รู้ ก็จะมีหลงบ้าง พวกเรามุ่งตรงไปที่ๆ พักเพื่อเอาของไปเก็บ และที่พักของพวกเราก็คือ จำปาลาว บังกะโล นั้นเอง