วัดสัลเลขธรรม ตำบลแพงใหญ่ อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี

วัดสัลเลขธรรม

วัดสัลเลขธรรม  ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๙ หมู่ ๖  ตำบลแพงใหญ่ อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี  ๓๔๐๐๐  

ประวัติ วัดสัลเลขธรรม

ตามประวัติเล่าสืบกันมาว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีอายุเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองของชาวเหล่าเสือโก้ก มีอายุหลายร้อยปี โดยชาวบ้านขนานนามว่า “พระเจ้าใหญ่บ้านถ่อน” เป็นที่เคารพสักการบูชาของและพุทธศาสนิกชน ชาวบ้านจะมีความเชื่อว่า มาอธิษฐานกราบไหว้ขอพรพระเจ้าใหญ่บ้านถ่อน แล้วได้สำเร็จตามความประสงค์ดังปรารถนา และมีพระภิกษุสงฆ์แวะเวียนมาพำนักปฏิบัติธรรมอยู่ในสถานที่แห่งนี้มิได้ขาด และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมของชุมชนชาวเหล่าเสือโก้ก อันเป็นประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิม คือประเพณีสรงน้ำพระเจ้าใหญ่บ้านถ่อน จะนัดหมายกันมาทำบุญถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรและสรงน้ำพระ ในระหว่างเดือน ๖ ของทุกปี โดยมีความเชื่อว่าจะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว ซึ่งปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่สมัยบรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบัน
ปี พ.ศ.๒๕๔๔ มีพระภิกษุรูปหนึ่งคือ พระมุกดา กลฺยาโณ ในขณะนั้น ได้มาพำนักอยู่เพื่อเจริญสมณธรรม ท่านเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สัปปายะ เหมาะแก่การปฏิบัติเจริญสมณธรรม และได้อยู่จำพรรษาจนถึงปัจจุบัน
ปี พ.ศ.๒๕๔๖ พระมุกดา กลฺยาโณ ในขณะนั้น เห็นว่าเนื้อที่สำนักสงฆ์มีแค่ประมาณ ๔ ไร่ ไม่เพียงพอในการที่จะรองรับพระสงฆ์สามเณร อุบาสกอุบาสิกา ผู้มาปฏิบัติธรรม จึงได้นำพาบอกบุญญาติโยมจัดซื้อที่ดินเพื่อขยายเขตที่พักสงฆ์เพิ่มเติม จำนวน ๖ ไร่ ๓ งาน ได้ทำการถมที่ ปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ให้ร่มเงา เพื่อเป็นที่สัปปายะในอนาคตและได้สร้างศาลา อุโบสถ กุฏิห้องน้ำ โรงครัว เสนาสนะต่างขึ้นเป็นลำดับมา โดยในปัจจุบันได้ซื้อที่เพื่อขยายเขตวัดแล้วมีประมาณ ๔๐ ไร่
ปี พ.ศ.๒๕๕๑ ได้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัด และได้รับอนุญาตให้สร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคม เพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป
ปี พ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัด จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับชื่อวัดว่า “วัดสัลเลขธรรม”และได้ตั้งเจ้าอาวาสรูปแรก คือ “พระอธิการมุกดา กลฺยาโณ” เป็นเจ้าอาวาส จนถึงปัจจุบัน
ปี พ.ศ.๒๕๕๔ ได้ทำการซื้อที่ดินขยายเขตวัด จำนวน ๑๑ ไร่ เพื่อสร้างอุโบสถ
ปี พ.ศ.๒๕๕๕ ได้ทำการวางศิลาฤกษ์อุโบสถขนาดกว้าง ๑๘ เมตร ความยาว ๔๕ เมตร และก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๕๙
ปี พ.ศ.๒๕๖๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
ปี พ.ศ.๒๕๖๐ ได้รับคัดเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดอุบลราชธานี แห่งที่ ๒๗
ปี พ.ศ.๒๕๖๑ ได้ทำการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ขนาด กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๔๐ เมตร
ปี พ.ศ.๒๕๖๕ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อปต.)