
วัดพระธาตุเจดีย์
วัดโสภณาลัย(ร้าง)
วัดพระธาตุเจดีย์เป็นวัดเก่าแก่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาชาวบ้านมักจะเรียกว่า "วัดพระธาตุ"ไม่ปรากฏหลักฐานว่า สร้างโดยใคร สร้างในสมัยใด จากศิลปะอันโดดเด่นของเจดีย์เชื่อว่าผู้สร้างน่าจะเป็นบุคคลสำคัญและตั้งอยู่ในชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง ในบริเวณใกล้เคียงยังปรากฏหลักฐานซากของวัดเก่าแก่อีก ๒ วัดคือ "วัดป่าสูง" และ "วัดผก๋าเสนโต"
จากการสืบเสาะค้นคว้าของพระราชวิสุทธี(ตุ๊ปู่ก๋วน), คณะเถราจารย์, กลุ่มอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมชุมชนจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ล้านช้าง, ล้านนา, หริภุญชัยพบว่าเป็นพระธาตุเจดีย์เหลี่ยมทรงปราสาทศิลปะ "ล้านช้างผสมหริภุญชัย" เป็นสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกับ "พระธาตุอิงฮัง" ที่เมืองสะหวันเขต สปป.ลาว จึงสันนิษฐานว่าวัดพระธาตุเจดีย์มีอายุมากกว่า ๙๐๐ ปี เป็นลักษณะเจดีย์ที่ค้นพบเพียงองค์เดียวในประเทศไทย

ภายในบริเวณวัดมี "พระธาตุเจดีย์" และ "โบสถ์มหาอุด" ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นสถานที่ที่ทหารทำพิธีศาสตราคมก่อนออกรบและพิธีปลุกเสกเครื่องลางของขลัง
ปี พ.ศ.๒๕๓๐ พระราชวิสุทธี(ตุ๊ปู่ก๋วน), คณะเถราจารย์และคณะศรัทธาร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุเจดีย์และหลังคาโบสถ์ที่ผุพัง
ปัจจุบันมีการสืบสานพิธีเข้ากรรมรุกขมูลหลักสูตรธุดงควัตร เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน ในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๔ (เหนือ) ของทุกปี


วัดโสภณาลัย หรือ วัดพระธาตุเจดีย์ (ร้าง) ตั้งอยู่ที่บ้านนาแหลม หมู่ที่ ๖ ตำบลทุ่งกวาว อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ภายในวัดมีโบราณสถานสำคัญ คือ อุโบสถที่สร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันออกและเจดีย์ทรงปราสาทยอดอยู่ด้านหลังอุโบสถ


เจดีย์ทรงปราสาทยอด ประกอบด้วยชุดฐานเขียงสี่เหลี่ยมรองรับเรือนธาตุในผังสี่เหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันสามชั้นแต่ละชั้นมีซุ้มจระนำด้านละหนึ่งซุ้ม เสาซุ้มจระนำและมุมเรือนธาตุประดับด้วยลายกาบบน-ล่างและประจำยามอกบัวคว่ำบัวหงายของเสาซุ้มจระนำทำเป็นปากแลแบบศิลปะล้านช้าง เหมือนกับพระธาตุเนื้อ วัดพระหลวง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เหนือเรือนธาตุที่รูปแบบเดิมน่าจะมีต้นแบบมาจากเจลีย์กู่กุดวัดจามเทวี จังหวัดลำพูน แต่ส่วนยอดเจดีย์องค์นี้น่าจะมีการบูรณะในภายหลังเป็นทรงระฆังและปล้องไฉนในผังสี่เหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกัน ส่วนบนสุดเป็นทรงกลมลดหลั่นกันคล้ายปล้องไฉนอีกชุดหนึ่งและปลี

อุโบสถ เป็นอุโบสถขนาดเล็กกอด้วยอิฐ เครื่องบนเป็นไม้ หลังคาเดิมมุงด้วยกระเบื้องดินเผา อุโบสถไม่มีเสาคู่กลาง แต่ใช้เทคนิคการถ่ายน้ำหลังเครื่องบนลงผนังที่ค่อนข้างหนา อุโบสถเดิมเป็นอุโบสถที่เรียกกันว่า "มหาอุด" คือเป็นอุโบสถที่มีผนังทึบต้นรอบด้าน ไม่มีช่องหน้าต่าง มีช่องประตูทางเข้าด้านหน้าเพียงซองเดียว ต่อมาจึงมีการเจาะช่องหน้าต่างขนาดเล็กที่ผนังด้านข้างข้างละหนึ่งช่อง

จากรูปแบบทางสถาปัตยกรรมขององค์เจดีย์และผลจากการขุดคัน-ขุดตรวจโดยกรมศิลปากรเมื่อพ.ศ.๒๕๖๔ พบโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ คือเศษภาชนะดินเผาเนื้อกระเบื้องสมัยราชวงศ์หมิง และชิ้นส่วนสันกระเบื้องดินเผามุงหลังคามีจารึกด้วยอักษรไทยนิเทศและตัวเลขโหรา ความว่า "ศักราช ๑๐๖๓ ตัว" หรือ พ.ศ.๒๑๔๔ จึงสันนิษฐานว่าวัดโสภณาลัย หรือ วัดพระธาตุเจดีย์ (ร้าง) สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศิลปะล้านช้างเริ่มเข้ามาใน ล้านนาในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จากนั้นมีการบูรณะทั้งเจดีย์และอุโบสถอีกครั้งหนึ่งในพุทธศตวรรษที่ ๒๔
