

วัดเมธังกราวาส รหัสวัด ๑๓๕๔๐๑๐๑๐๑๑ ตั้งอยู่ที่ ชุมชนน้ำคือ เลขที่ ๑ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ โทรศัพท์ ๐๕๔๕๑๑๔๑๐ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ความเป็นมาของวัด
วัดเมธังกราวาส ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๑ เป็นวัดที่สร้างมานาน ไม่มีประวัติที่จะค้นหาหลักฐานได้ จากคำบอกเล่าของหนานน้อย ศรีจันทรากูล อายุ ๙๔ ปี (เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๓) ซึ่งเป็นกรรมการอาวุโสของวัดเล่าว่า วัดเมธังกราวาสแต่เดิมเรียกกันว่า วัดนาเหลียว เข้าใจว่านางเหลียวเป็นผู้ถวายที่ดินให้เป็นที่ตั้งวัดในสมัยแรกเพราะในปัจจุบันศรัทธาวัด เมื่อมีการทำพิธีไหว้เจ้าที่ของวัดก็จะพูดว่าไปไหว้เจ้านางเหลียว และด้วยเหตุที่ที่เขตวัดที่ตั้งวัดติดกับคูเมือง(คือเมือง) ชาวบ้านเรียกว่าน้ำคือ จึงเรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดน้ำคือ” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเมธังกราวาส” โดยเปลี่ยนตามสมณศักดิ์ของเจ้าอาวาสที่พระราชาคณะ พระมหาเมธังกร ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดแพร่ จากคำบอกเล่าของนางยุพยง ศรีสวัสดิ์ อายุ ๘๑ ปี (๒๕๔๗) ว่าได้มีการประชุม คณะกรรมการให้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเมธังกราวาส”และจากคำบอกกล่าวของนางอำนวย วิชาวุฒิพงษ์ อายุ ๗๗ ปี (๒๕๔๗) อดีตข้าราชการครูซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อหนานนวล ทองด้วง อดีตมัคนายกคนหนึ่งของวัด ทำให้ทราบว่าที่ดินของวัดนั้นเดิม มีอาณาเขตถึงหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองแพร่ ต่อมาทางการต้องการสร้างถนนรอบเมืองจึงได้ขออนุญาตจากทางวัดสร้างเป็นถนนและวัดก็ได้จัดสร้างอาคารพาณิชย์ปัจจุบันมีจำนวน ๑๗ ห้อง เพื่อเป็นผลประโยชน์ให้แก่วัด จากความทรงจำของผู้เฒ่าผู้แก่หลาย ๆ ท่าน ที่เป็นศรัทธาของวัดที่ได้เล่าให้ฟังถึงเจ้าอาวาสที่ปกครองวัดตามลำดับจึง น่าวิเคราะห์ได้ว่า วัดนี้สร้างราวปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ซึ่งในกาลครั้งนั้นลักษณะเป็นวัดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง เข้าใจว่าผู้สร้างวัดคือตระกูล “วังซ้าย”
พระพุทธรูปสำคัญคือ พระพุทธรูปน้ำออกเศียร (ตามคำบอกเล่าของท่านผู้สูงอายุในสมัยนั้นได้เล่าไว้ว่าในสมัยเจ้าคุณพระมหาเมธังกร เป็นเจ้าอาวาส มีภิกษุรูปหนึ่งได้บอกกล่าวว่า มีพระพุทธรูปบูชาอยู่ในวัดร้าง อำเภอปง จังหวัดเชียงราย หากท่านเจ้าคุณมีความต้องการก็ให้นำมาไว้ที่วัดน้ำคือ ทางวัดจึงจัดคณะบุคคลที่น่าเชื่อถือและเป็นกำลังสำคัญของวัดโดยการนำของพ่อหลักฟอง อินทุดม (ผู้ใหญ่บ้าน) บิดาของนายเดช อินทุดม อดีตศึกษาธิการจังหวัดไปนำมาไว้ที่วัดและเป็นที่น่าสังเกตว่า หลวงพ่อองค์นี้เมื่อนำออกมาสู่กลางแจ้งเมื่อใดจะมีฝนตกตลอดเวลา ซึ่งในสมัยก่อนเมื่อถึงเวลาสงกรานต์จะได้อัญเชิญหลวงพ่อมาเข้าขบวนแห่ให้ชาวบ้านได้สรงน้ำ ก็จะมีฝนตกอยู่ตลอดเวลาเมื่อใดเกิดฝนแล้งก็จะอาราธนาหลวงพ่อออกมาสักการะก็จะมีฝนตกทุกครั้ง

มณฑปพระพุทธรูปน้ำออกเศียร

พระพุทธรูปน้ำออกเศียร
วัดเมธังกราวาส (วัดน้ำคือ) ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ อันควรนำมากล่าวในประวัติของวัด คือ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย เรียกเป็นภาษาสามัญว่า "หลวงพ่อน้ำออกเสียร" หรือ "พระเจ้าน้ำออกเศียร" ซึ่งประศิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อน้ำออกเศียร ทางค้านทิศใต้ของอุไบสถวัดเมริงกราวาส

พระพุทธรูปองค์นี้ สร้างในสมัยใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด สันนิษฐานว่า สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๒๑ มีพุทธลักษณะงดงามพุทธศิลป์เชียงแสนสิงห์สาม อายุราว ๗๐๐ ปี ปางมารวีชัย ประทับนั่งขัดสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง ๒๔ นิ้ว (๖๐ เซนติเมตร) สูงจากฐานถึงพระโมลี ๓๗ นิ้ว (๙๗ เชนติเมตร) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวัดร้างกลางป่า ในอำเภอปง จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันคืออำเภอปง จังหวัดพะเยา พระมหาเมธังกร (พรหม พรหมเทโว) เจ้าอาวาสวัดน้ำคือ ได้อาราธนาพระพุทธรูปองค์นี้ มาประดิษฐานบนกุฏีของเจ้าอาวาสเป็นมรดกตกทอด นับแต่นั้นมา
ลักษณะพิเศษ ของพระพุทธรูปองคนี้คือ มีน้ำซึมออกมาตลอดเวลา เป็นน้ำใสเย็นบริสุทธิ์ ปรากฏเป็นอัศจรรย์อยู่เช่นนี้ตลอดมาแม้จะดักน้ำออกมาหมดแล้ว น้ำในเศียรก็ยังซึมเป็นปกติ ถือว่าเป็นน้ำศักดี์สิทธิ์ เกิดขึ้นด้วยอำนาจพุทธบารมี
ในเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่เมืองเหนือ ทางเทศบาลเมืองแพร่ได้ขัญเชิญพระเจ้าน้ำออกเศียรร่วมขบวนแท่เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำพระตามประเพณี จะปรากฏท้องฟ้ามีคคริ้มมีลมพัดและฝนตกทุกครั้งสร้างความชุ่มฉ่ำ แก่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วหน้ากัน
ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดเมริงกราวาส จะอัญเชิญพระเจ้าน้ำออกเศียร ให้ศรัทธาและพุทธศาสนิกชน ได้สรงน้ำสุคนธรส น้ำอบ น้ำหอมในวันเถลิงศกตรงวันที่ ๑๕ เมษายน ของทุกปี

พระประธานภายในอุโบสถ

อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ โรงเรียนอนุบาลเพ็ญรัต
ทิศใต้ ทางสาธารณประโยชน์
ทิศตะวันออก ถนนน้ำคือ
ทิศตะวันตก คูเมือง
เอกสารสิทธิ์ที่ดิน
ที่ดินที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ ๖ ไร่ ๒ งาน ๗๖ ตารางวา เป็นโฉนดที่ดิน (น.ส. ๔ จ) เลขที่ ๔๖๐๔ และ ๘๖๐๕
ประเภทวัด
พัทธสีมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒ เส้น ยาว ๒ เส้น ๑๐ วา
ที่ธรณีสงฆ์ จำนวน ๒ แปลง มีเนื้อที่รวม ๑ ไร่ ๓ งาน ๗๘.๘๐ ตารางวา ได้แก่
โฉนดเลขที่ ๘๒๓ มีเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ๔๖ ตารางวา
โฉนดเลขที่ ๒๐๖๐ มีเนื้อที่ ๐ ไร่ ๑ งาน ๓๒.๘๐ ตารางวา

ถาวรวัตถุภายในวัด
อุโบสถ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๒๕ เมตร ยาว ๔๐ เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๔๐
กุฏิสงฆ์ จำนวน ๒ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ จำนวน ๒ หลัง เป็นอาคารไม้
นอกจากนี้ มีหอระฆัง จำนวน ๑ หลัง หอกลอง จำนวน ๑ หลัง โรงครัว จำนวน ๑ หลัง
ปูชนียวัตถุ
– พระประธานประจำอุโบสถ ปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตัก กว้าง ๑๐๐ นิ้ว สูง ๑๔๕ นิ้ว สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๔๕๑
– พระประธานประจำศาลาการเปรียญ ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก กว้าง ๔๐ นิ้ว สูง ๒๕๐ นิ้ว สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖
– ปูชนียวัตถุอื่นๆ มี พระพุทธรูปน้ำออกเศียร
อุโบสถ


ศาลาการเปรียญ


พระบรมธาตุน้ำคือ


มณฑปหลวงพ่อ มหาเมธังกร
(พรหม พรหมเทโว)



หอระฆัง

ลำดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีต – ปัจจุบัน
รูปที่ ๑ ครูบาอิ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๓๒๕ ถึง พ.ศ. ๒๓๗๕
รูปที่ ๒ ครูบาอิ้ง ตั้งแต่พ.ศ. ๒๓๗๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๓๐
รูปที่ ๓ พระมหาเมธังกร พรหมเทโว(พรหม เกศทับทิม) ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๓๐ ถึง พ.ศ. ๒๔๙๓
รูปที่ ๔ พระครูสังฆรักษ์ อภิปุญโญ (เถิง วงศ์ดาว) ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๙๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๘
รูปที่ ๕ พระครูเมธาภิรักษ์ นาถปุญโญ (ทรง เวียงทอง) ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๐๘ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๑
รูปที่ ๖ พระครูโอภาสวรการ วิโรจโน (วิโรจน์ มังกิตะ) ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๓๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๖
รูปปัจจุบัน พระครูวรเวทย์สังฆกิจ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๕๖ – จนถึงปัจจุบัน
พระครูวรเวทย์สังฆกิจ (ภทฺทปญฺโญ)
เจ้าอาวาส / รองเจ้าคณะอำเภอเมือง

ซุ้มประตู


หอธรรม

กุฏิเจ้าอาวาส


กุฏิสงฆ์




