พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีสะหลีปุณณะ

ประวัติวัดป่าแดง

สร้างประมาณเมื่อ พ.ศ. ๑๑๓๘ โดยการนำของท่านพระยาสะหลีปุณณะ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุมชน เดิมชื่อบ้านสะหลีปุณณะ ตั้งตามชื่อหัวหน้าบ้าน ได้อพยพมาจากเชียงแสน บ้านสะหลีปุณณะเดิมตั้งอยู่ที่กลางทุ่งนาปัจจุบันเป็นที่ของ พ่อพิชัย มุ้งทอง ติดกับบ้านแต (กวีรัตน์) มีหลักฐานคือวัดลอมศรีก้ำ ถ้าขุดลงไปสัก ๒ เมตร จะพบก้อนอิฐมีชาวบ้านขุดได้ของลำค่ามากมาย ที่ชาวบ้านนำมาถวายไว้กับวัดป่าแดง เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๒ มีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ๒ องค์ ต่อมามีประชากรมากขึ้นความเจริญขึ้น จึงได้ย้ายบ้านและวัดขึ้นมาทางทิศตะวันออกประมาณ ๒ กิโลเมตร ตั้งชื่อว่า “บ้านสะหลีปุณณะ” เหมือนเดิมแต่เป็นวัดเก๊าขามสูง ปัจจุบันเป็นที่นาของพ่อผัด แม่เต็ม วันสนุก อีกหลายร้อยปีต่อมามีประชากรหนาแน่นความเจริญยิ่งขึ้น จึ่งได้ย้ายบ้านและวัดขึ้นมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อ “บ้านสะหลีปุณณะ” เปลี่ยนชื่อวัดตามสถานที่ คือ วัดแตตาล ปัจจุบันเป็นที่ของ พ่อทอง แม่แดง สูงศักดิ์ และพ่อตัน แม่ตุ้ย แขมน้อย ช่วงหลังได้มีคนหาสมบัติตามรายแทงว่ามีต้นตาล ๒ ต้น มีแม่น้ำมีแต(ฝายน้ำล้น) ได้มีเรือสำเภาทองคำฝังอยู่จนเดี๋ยวนี้ยังไม่มีใครพบเห็น ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๑๓๘ ได้ย้ายบ้านและวัดขึ้นมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๒ กิโลเมตร ชื่อ บ้านสะหลีปุณณะป่าแดง วัดสะหลีปุณณะป่าแดง ตั้งตามชื่อสถานที่เพราะที่นั้น เป็นป่าไม้แดงขึ้นอยู่หนาแน่น พร้อมทั้งได้มีชาวบ้านอพยพมาจากเชียงตุงประเทศพม่า ๒๐ กว่าครอบครัว ซึ่งวัดของเขาที่ทำบุญมาตลอด ชื่อวัดมหาราชฐานหลวงป่าแดง ชาวบ้านจึงขอเอาชื่อคำว่า ” ป่าแดง ” ต่อท้ายสะหลีปุณณะด้วย ปัจจุบันวัดมหาราชฐานหลวงป่าแดง ก็ยังมีอยู่ที่เชียงตุง สาเหตุที่ต้องย้ายหมู่บ้านเพราะประชาชนหนาแน่น ต้องการเอาที่ลาบลุ่มเป็นทุ่งนาเพื่อทำการเกษตร และกสิกรรม เลี้ยงสัตว์เป็นต้นจึงเอาที่ราบสูงเป็นหมู่บ้าน ที่ตั้งหมู่บ้านและวัดปัจจุบันต่อมาภายหลังชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า วัดป่าแดง มาจนถึงปัจจุบัน มีเจ้าอาวาสวัดที่ปรากฏชื่อมี ๑๐ รูปรวมรูปปัจจุบัน ตั้งอยู่เลขที่ ๘๐ หมู่ที่ ๒ ตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้สร้างอุโบสถใหม่โดยย้ายจากที่ตั้งเดิมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ จึงขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ประกอบพิธีผูกลูกนิมิตร เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ที่ดินที่ตั้งวัดเนื้อที่ ๓ ไร่ ๒ งาน ๒๒ ตารางวา มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๗๔๙ ทิศตะวันออกติดถนนสายทุ่งโฮ้ง – ป่าแดง และโรงเรียนเมืองแพร่ ทิศเหนือติดถนน ซอยและบ้านเรือนประชาชน ทิศตะวันตกติดลำเหมืองหลวงและหมู่บ้าน ทิศใต้ ติดถนนและโรงเรียนบ้านป่าแดง(วันรัตตวิทยา) มีที่ธรณีสงฆ์ ๒ แปลง แปลงที่ ๑ มีเอกสารสิทธ์เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๔๖๖๘ แปลงที่ ๒ มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๗๕๑ ทางวัดได้ฝากไว้กับสำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดแพร่ทั้ง ๓ แปลง

พระประธานประจำอุโบสถ

อุโบสถ

วิหารมหาอุด พระเจ้าทันใจดินเหนียว

พระเจ้าทันใจดินเหนียว

ศาลาการเปรียญ

พระพุทธรูปภายในศาลาการเปรียญ

โฮงคำหลวงพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

ลำดับเจ้าอาวาสวัดป่าแดง

๑. ครูบาปุณณะ ไม่ปรากฏหลักฐาน

๒. ครูบาสมณะ ไม่ปรากฏหลักฐาน

๓. ครูบาหม่อม นิมนต์มาจากประเทศลาว ไม่ปรากฏหลักฐาน

๔. ครูบ่าวงศ์ ไม่ปรากฏหลักฐาน

๕. ครูบาอินตา ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๘๑-๒๔๐๗

๖. ครูบาสิทธิมงคล(อ้น) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๐๗-๒๔๕๕

๗. ครูบาอินทมงคลฺ(กุย) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๕-๒๔๘๑

๘. พระครูรัตนวันคณารักษ์(ป๊อก) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๑-๒๔๙๔

๙. พระครูสถิตสารธรรม(บุญทา) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๕๔๑

๑๐. พระครูวิมลปัญญารัตน์(บุญเย็น) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๖๐ *อดีตรองเจ้าคณะอำเภอเมืองแพร่

๑๑. พระครูใบฏีกาชัยยงค์ (ชยรติธโร)

พระครูใบฏีกาชัยยงค์ (ชยรติธโร)

เจ้าอาวาสวัดป่าแดง

ลำดับไวยาวัจกรวัดป่าแดง

๑. นายสถิตย์ มุ้งทอง

๒. นายสุชาติ มงคลพัฒน์

๓. นายเสรี รักดี วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

มณฑปอัฐิอดีตเจ้าอาวาส

ศาลาปฏิบัติธรรม พระราชปัญญาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 6

หอกลอง

โรงเรียนพระปริยัติธรรม

ศาลาอเนกประสงค์

โรงทานประชาร่วมใจอุทิศ

กุฏิสงฆ์

ประวัติบ้านสะหลีปุณณะป่าแดง
เมื่อประมาณพุทธศักราช ๑๑๓๙ ได้มีพญาสะหลีปุณณะ ได้รวบรวมนำชาวบ้านอพยพมาจากเชียงแสนประมาณ ๕๐ กว่าครอบครัว มาตั้งรกรากปักหลักปักฐาน อยู่ทางทิศตะวันออกแม่น้ำยมประมาณ ๑๐ กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือวัดพระธาตุช่อแฮ ประมาณ ๕ กิโลเมตร อยู่นอกเมืองพลนคร
เป็นชุมชนหนึ่ง จึงตั้งชื่อบ้านตามหัวหน้าว่า บ้านสะหลีปุณณะ ตั้งวัดชื่อวัดลอมศรีก้ำ ปัจจุบันเป็นที่นาของพ่อพิชัย มุ้งทอง ติดกับบ้านแต(กวีรัตน์)กลางทุ่งนา

ต่อมามีประชากรมากขึ้นจึงได้ย้ายหมู่บ้านและวัดขึ้นมาทางทิศตะวันออกประมาณ ๒ กิโลเมตร ยังเป็นชื่อบ้านสะหลีปุณณะ แต่วัดชื่อวัดเก๊าขามสูง เพราะตรงที่สร้างวัดมีต้นมะขามใหญ่สูงที่สุดอยู่หลายต้น จึงตั้งชื่อวัดตามสถานที่

ต่อมาบ้านเมืองเจริญขึ้นคนมากขึ้น จึงย้ายบ้านและวัด ขึ้นมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อบ้านยังเหมือนเดิม แต่วัดเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแตตาล (ฝายน้ำล้น) เพราะตรงนั้นเป็นลำห้วยแค้งไหลมาทางทิศตะวันออก ชาวบ้านสร้างแตเป็นไม้หลักปัก มีก้อนหินก้อนผาเรียงรายกั้นน้ำไว้มีต้นตาลขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงตั้งชื่อว่าวัดแตตาลตามสถานที่ตั้ง

ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๑๓๘ ได้ย้ายบ้านและวัดขึ้นมา ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๒ กิโลเมตร จึงได้ย้ายมาสร้างบ้านแป๋งเมืองที่แห่งใหม่ซึ่งเป็นที่ราบสูง ณ บริเวณนั้นเป็นดงไม้แดงขึ้นอยู่หนาแน่น จึงตั้งชื่อ บ้านสะหลีปุณณะป่าแดง เป็นการเคารพบรรพบุรุษอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายแม้นกาลเวลาจะผ่านไปเป็น ๗๐๐ กว่าปี และสร้างวัดชื่อวัดสะหลีปุณณะป่าแดง ชื่อคำว่า ป่าแดง เริ่มจากที่อยู่ปัจจุบัน พร้อมทั้งได้มีชาวบ้านจากเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า จำนวน ๒๐ กว่าครอบครัวได้อยพยพมาสมทบ เมื่อพวกเขาอยู่เชียงตุง พวกเขาได้ทำบุญกับวัดมหาราชฐานหลวงปู่แดง พวกเขาก็เลยขอเพิ่มชื่อคำว่าสะหลีปุณณะ เพิ่มคำว่า ป่าแดง เข้ามาต่อท้าย เพื่อเป็นอนุสรณ์วว่าพวกตนได้มาจากเชียงตุง ปัจจุบันวัดมหาราชฐานหลวงป่าแดง ยังมีอยู่ที่เชียงตุง ต่อมาภายหลังชาวบ้านจึงนิยมเรียกชื่อว่า บ้านป่าแดง และวัดป่าแดง ที่ตั้งปัจจุบันมีอายุ ๔๑๕ ปี รวมทั้งสร้างบ้านแป๋งเมือง รวมกันได้ ๑,๔๑๕ ปี อนุชนรุ่นหลังต่อมาได้ขยายอาณาเขตออกไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ ไปทางทิศใต้ ก็มีบ้านงิ้ว บ้านมุ้ง บ้านหมื้น บ้านปันเจิญ บ้านธรรมเมือง และบ้านต้นไคร้ ทางทิศตะวันออกก็มีบ้านหล่าย (ปัจจุบันคือบ้านใน) เพราะอยู่หล่าย พระธาตุช่อแฮ คำว่า หล่าย คืออยู่คนละฝั่งของพระธาตุช่อแฮ บ้านลัวะ (ปัจจุบันคือบ้านแม่ลัว) เหตุที่ว่าบ้านลัวะ เพราะชาว
ลัวะที่อยู่อาศัยติ๋นดอยธชัคบรรพต ได้อพยบหนีขึ้นไปอยู่บนดอย ไปทำไร่ใส่สวนเลี้ยงชีพ หนีความเจริญ เพราะบ้านป่าแดงเป็นชุมชนที่ใหญ่ เจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาทางราชการจึงยกขึ้นเป็นตำบลป่าแดง เพราะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม การศึกษา การพานิชกรรม ดังคำขวัญของบ้านป่าแดงว่า

“ต้นกำเนิดป่าแดง – ช่อแฮ
เผยแผ่วัฒนธรรม
แดนนำแห่งปัญญา
ไผ่หาความสงบ

แหล่งคนพบสะหลีปุณณะ”

เพราะยุคนั้นสมัยนั้นบ้านป่าแดงเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเป็นจุดศูนย์กลางมี ขุน มีแควน มีหลัก คือกำนันผู้ใหญ่บ้านปัจจุบัน