ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี

Wat Yang Noi Kao Ae Subdistrict, Khueang Nai District, Ubon Ratchathani Province

ความเป็นมาวัดยางน้อย

              ตั้งอยู่ที่บ้านยางน้อย หมู่ ๑ ตำบลก่อเอ้ เขต ๒ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งขึ้นประมาณพุทธศักราช ๒๓๐๐ เป็นวัดราษฎร์ตั้ง อยู่ริมถนนแจ้งสนิท (ทางหลวงแผ่นดินอุบลราชธานี-ยโสธร) ทางทิศใต้ของหมู่บ้านยางน้อย หมู่ที่ ๑-๒ (ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานีทางทิศตะวันตก ๓๐ กิโลเมตร และห่างจากที่ว่าการอำเภอเขื่องในมาทางทิศตะวันออก ๔ กิโลเมตร) มีเนื้อที่ ประมาณ ๗ ไร่เศษ และมีที่ดินที่มีผู้ถวายเป็นที่ธรณีสงฆ์ อยู่ฟากถนนตรงกันข้ามกับ วัดด้านทิศตะวันตก อีกประมาณ ๑ งาน ๖๓ ตารางวา

ลําดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ๑๗ รูป ดังนี้ 

๑. สำเร็จพระพรหม ธมฺมรโต (อ่านว่า ทำ-มะ-ระ-โต)

๒. พระญาครูอ้ม อมโร (อ่านว่า ทำ-อะ-มะ-โร)
๓. พระญาครูพิมพ์ โชติโก (อ่านว่า โช-ติ-โก) 

๔. พระอาจารย์ทอง สิริจนฺโท (อ่านว่า สิ-ริ-จัน-โท)

๕. พระครูโอภาสธรรมภาณ (จันทา จนฺทปญฺโญ) (อ่านว่า จัน-ทะ-ปัน-โย)
๖. พระอธิการแพง ธมฺมธโร (อ่านว่า ทำ-มะ-ทะ-โร) 

๗. พระอธิการแพง สุวณฺโณ (อ่านว่า สุ-วัน-โน)
๘. พระอาจารย์ทอง รตนโชโต (อ่านว่า ระ-ตะ-นะ-โช-โต)


๙. พระอาจารย์บัว กิตฺติวณฺโณ (อ่านว่า กิต-ติ-วัน-โน) 

๑๐. พระอาจารย์หลง ปญฺญาทีโป (อ่านว่า ปัน-ยา-ที-โป) 

๑๑. พระอธิการณรงค์ ยโสธโร (อ่านว่า ยะ-โส-ทะ-โร) 

๑๒. พระอธิการจันทา ขนฺติโก (อ่านว่า ขัน-ติ-โก)


๑๓. พระอธิการอรุณ โชติโก (อ่านว่า โช-ติ-โก) 

๑๔. พระครูประสาธน์ธรรมโสภณ (เคนเรวโต) รักษาการ (อ่านว่า เคน-เร-วะ-โต)

๑๕. พระอธิการสมศักดิ์ กนโก (อ่านว่า กะ-นะ-โก)
๑๖. พระสิริรัตนาภรณ์ (สมหมาย โชติปุญฺโญ น.ธ.เอก ป.ธ.๖ พธ.บ.) รักษาการ 

๑๗.พระรัตนวิมล (ศรี ติขิโณ ป.ธ.๗ พธ.ม.) (ปัจจุบัน) 

                 สมัยพระญาครูพรหม ชาวบ้านนำที่ดินป่าดงยางนามาถวายสงฆ์เพื่อสร้างเป็น วัด ต่อมาเมื่อสร้างวัดมีเสนาสนะพอสมควรแล้วท่านได้พิจารณาเห็นว่าอารามแห่งนี้เป็น ป่าที่สงบสนัดเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนาแม้ส่วนตัวท่านเองก็สนใจในการปฏิบัติ ธรรม ก็ใคร่ทีจะส่งเสริมพระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนในเรื่องการปฏิบัติธรรม ท่านจึงสถาปนาวัดยางน้อยเป็นสำนักกัมมัฏฐาน บำเพ็ญประโยชน์ในด้านธรรมปฏิบัติแก่ พระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนที่สนใจเป็นอันมากและเป็นสำนักกัมมัฏฐานที่เจริญ รุ่งเรืองมาสำนักหนึ่งในภาคอีสานในยุคนั้น

               ต่อมาประมาณพุทธศักราช ๒๔๑๕ ท่านพระอาจารย์พิมพ์ เจ้าอาวาสรูปต่อมาได้ พิจารณาเห็นว่า วัดยางน้อยเป็นสำนักกัมมัฏฐานดำเนินการในด้าน “วิปัสนําธุระ” อยู่ แล้วถ้าหากได้มีการส่งเสริมพระปริยัติธรรมหรือในด้าน “คันถธุระ” แก่พระภิกษุสามเณร ควบคู่กันไปก็จะเป็นการส่งเสริม ให้การพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองและ มั่นคงยิ่งขึ้นประกอบกับท่านเอง มีความรู้ความชำนาญในบาลีใหญ่คือ “มูลกัจจายน์”อยู่แล้วดังนั้นท่านจึงตั้งโรงเรียนสอนมูลกัจจายน์ขึ้นมี พระภิกษุสามเณรจากอำเภอและจังหวัดต่างๆ มาศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก นับว่าสำนักวัดยางน้อยได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นทั้ง สำนักปฏิบัติธรรม สำนักศาสนศึกษาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ปรากฏแก่พุทธบริษัท นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ด้านศาสนบุคคล

             – พัฒนาพระภิกษุ สามเณร ให้ได้เรียนนักธรรม บาลี และปริยัติธรรม จัดตั้ง มูลนิธิพระพุทธโลกนาถสุโขทัยวัดยางน้อยขึ้น รวมทั้งจัดหาทุนและมอบทุนการศึกษา แก่พระภิกษุ สามเณร เด็ก เยาวชน ตำบลก่อเอ้ และตำบลใกล้เคียง โดยจัดมอบทุนการ ศึกษามาแล้ว ๑๐ ปีๆ ละ ๑๕๐-๒๐๐ ทุน มีการพัฒนาอาสาสมัครประจำวัด (อสว.) โดย มีทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เพื่อช่วยกันพัฒนาวัด

ด้านศาสนสถาน

            – จัดหาทุนรวมทั้งเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา พัฒนาปรับภูมิทัศน์ให้สะอาด สวยงาย สงบ ร่มรื่น เป็นศูนย์กลางในการประชุมคณะสงฆ์ การประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญต่างๆ

ด้านศาสนวัตถุ

           – จัดหาทุน รวมทั้งเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา สร้างกุฏิถวายแด่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ พระธีร ญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณกมหาเถร) เพื่อเป็นการบูชาพระคุณสมเด็จฯ พระอุปัชฌาย์ ต่อมาทางภริยา บุตร ธิดา ของนายห้างชิน โสภณพนิช ได้ทราบข่าว จึงขอรับเป็นเจ้าภาพสร้างศาลาหลังนี้ถวาย เพื่อเป็นตัญญูตานุสรณ์บูชาพระคุณของบิดาโดยนางบุญศรี โสภณพนิช มารดา มีศรัทธารับเป็น ประธานสร้างศาลามหากุศลครั้งนี้ และได้มอบให้ คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช เป็นผู้ประสานงาน ในงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จในปลาย ปี ๒๕๓๐ นั้นเอง สิ้นเงินค่าก่อสร้าง ๑๐ ล้านบาทถ้วน และได้ ให้ชื่อศาลานี้ว่า “ศาลาชิน โสภณพนิช” นอกจากนั้น ท่านเจ้าคุณฯ ยังได้วางผังปรับปรุงสร้างซุ้ม ประตูและกำแพงรอบวัดพร้อมถมพื้นที่บริเวณวัดด้านใต้อุโบสถ ตามแนวของถนนแจ้งสนิท ให้สูง เท่ากับลานวัดทั้งหมดพร้อมกับดำเนินโครงการกำหนดที่ปลูกต้นไม้ในบริเวณวัด พัฒนาซื้อที่ดิน ขยายวัดออกไปทางด้านเหนือของวัด และสัดเสนาสนะต่างๆ เช่นอุโบสถ์ ศาลาอเนกประสงค์ กฏิ และถาวรวัตถุ อื่นๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยความอุปถัมภ์สนับสนุนจากบรรดาผู้มีจิตศรัทธา ในพระคุณท่านอาทิ “มูลนิธิชิน โสภณพนิช”พร้อมด้วยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รับเป็นเจ้าภาพจัดกฐินสามัคคีขึ้นมา ทอดร่วมกับพุทธศาสนิกชนทุกปี

ด้านศาสนาธรรม

              – พัฒนาพระภิกษุ สามเณร เป็นพระนักเผยแผ่ พระวิปัสสนาจารย์ พระปาฏิโมกข์ พระธรรมถึก ให้สามารถเผยแผ่พระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาได้ ด้านศาสนพิธี

             – พัฒนาอุบาสก อุบิกา ให้มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่ถูกต้อง ทันสมัย เรียบง่าย เป็นสากล

               หลังจากที่พระพรหมวชิรญาณ ได้พัฒนาชุมชนชาวบ้านและวัด ไปพร้อมๆ กันแล้ว ชุมชนชาวบ้าน ได้เริ่มเปลี่ยนแผลงจากสภาพเดิมไปสู่สภาพที่ดีขึ้น ภายในหมู่บ้านที่เคยมี ถนนเล็กๆ คดเคี้ยวไปมาได้พัฒนาเป็นถนนตาหมากรุกที่กว้างขึ้น ต่อมาได้พัฒนาเป็นถนน ลูกรังและคอนกรีต มีสถานีอนามัยคอยบริการบำบัดรักษาสุขภาพอนามัย มีไฟฟ้า มีน้ำดื่ม น้ำใช้ และส้วมซึมทุกหลังคากับทั้งมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำหมู่บ้าน ตลอดถึงได้รับการ ส่งเสริมการศึกษา ในด้านศิลปะอาชีพและสภาพแวดล้อมดีขึ้นด้วยกำลังของชาวบ้านเอง และองค์กรเอกชนตลอดถึงด้วยการสนับสนุน จากทางราชการด้วย

ด้านสุขภาพ

              -ได้จัดตั้งกลุ่มอาสาพัฒนาวัด ให้มี ความสะอาด ร่มรื่น สงบ ร่มเย็น ปลอดภัย เป็น สถานที่ปลอดบุหรี่ ปลอดเหล้า ปลอดอบายมุข เป็นเขตอภัยทาน มีคติธรรม คำกลอน ข้อคิด คำคม จัดฐานเรียนรู้ด้านสุขภาพ อาทิ นวดแผนไทย แผนโบราญ ทำลูกประคบ สมุนไพร ในหมู่บ้าน แก้ไขปัญหาขยะ ด้วยการตั้งธนาคารรับซื้อขยะในหมู่บ้าน มีกิจกรรม ตรวจสุขภาพพระภิกษุ สามเณร รณรงค์เรื่องโภชนปัญญา แก่ชุมชน มีการตรวจสุขภาพพระ ภิกษุ สามเณร และคนในชุมชน โดยทีม รพ.สต.เฉลิมพระเกียรติ ,ทีมสาธารณสุขอำเภอ เขื่องใน ,ทีมสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ,ทีมโรงพยาบาล ๕๐ พรรษามหา วชิราลงกรณ และฝึกอบรมพระภิกษุให้เป็นพระอาสาสมัคร(อสว.) เพื่อดูแลสุขภาพพระ ภิกษุ สามเณร ในยามที่อาพาธ

ด้านสังคม วัฒนธรรม

           -มีการอนุรักษ์และส่งเสริม ประเพณี ๑๒ เดือน จัดฐานเรียนรู้ด้านภูมิปัญญา วัฒน ธรรม ฟ้อนรำมองเซิง ในหมู่บ้าน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รณรงค์การทำบุญให้เป็นบุญประเพณีปลอดเหล้า งานศพปลอดเหล้า งดเหล้าเข้าพรรษาโดยการสร้างความเข้าใจ ,ให้การฝึกอบรม คุณธรรม ,นำสู่การทำประชาคมหมู่บ้าน , กล้าหาญรับป้าย สัจจะ ,ยกย่องผู้ลด ละ เลิก สุรา ยาเสพติด และยกย่อง ผู้มีคุณธรรมจริยธรรมด้านต่างๆ

ด้านเศรษฐกิจ

            – มีศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านยางน้อย ใน สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยมีพระ พรหมวชิรญาณ เป็นที่ปรึกษา ให้การฝึกอาชีพแกคนในชุมชน

           – มีฟาร์มตัวอย่างตามแนวทฤษฎีใหม่ เป็นพื้นที่ทดลองการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่หลายประเภท เช่น การปลูกพืชสมุนไพร ผักปลอดสารพิษ การปลูกพืชหม่อนเลี้ยง ไหม การผลิตไหมคุณภาพระดับ Royal Thai Silk ซึ่งได้รับตรานกยูงทอง การผสมข้าว กล้องปรุงเสริมภูมิต้านทาน มีศูนย์แสดงนิทรรศการผ้าพื้นเมืองอีสานและศูนย์จำหน่าย ผลิตภัณฑ์จากชุมชน เป็นอาคารที่งดงามโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้านจิตใจ

            –มีการนำเด็ก เยาวชน คนในชุมชน เข้าสู่ทาน ศีล ภาวนา อย่างเป็นรูปธรรม ผ่าน กิจกรรมถนนสายวัฒนธรรม มีการทำบุญตักบาตรร่วมกัน ในหมู่บ้าน

เดือนละ ๑ ครั้ง ในโรงเรียน เดือนละ ๑ ครั้ง รวมเดือนละ ๒ ครั้ง ทำบุญตักบาตรในวัน สำคัญทางศาสนา วันสำคัญของชาติ มีผู้ร่วมกิจกรรมครั้งละประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ คน มี การรวมกลุ่มเด็ก เยาวชน คนในชุมชนรักษาศีล สวดมนต์ ภาวนา ในวันพระ ๘ ค่ำ ,๑๔ ค่ำ , ๑๕ ค่ำ ตลอดพรรษา มีทีมพิธีกรน้อยคอยบอกบุญ จำนวน ๑๐ คน นำไหว้พระ อาราธนา ศีล กล่าวถวายสังฆทาน กล่าวแผ่เมตตา กล่าวคำลาวัด, มีทีมมัคุเทศก์ธรรม จำนวน ๑๐ คน นำชมฐานเรียนรู้ และชมแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ ในชุมชน