ประวัติความเป็นมาพุทธภูมิสถานพระโพธิญาณ

พุทธภูมิสถานพระโพธิญาณหรือสำนักปฏิบัติธรรมราชเขมากรผ่องพรรณวนาราม หรือวัดป่าพุทธภูมิฯ เลขที่ ๒๕๘ หมู่ที่ ๖ ตำบลแม่ยางตาล อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ๔๕๑๔๐ เกิดขึ้นโดยความดำริของพระเดชพระคุณพระราชเขมากร รศ.ดร.(ประยุทธ ภูริทตฺโต ป.ธ.๙) และได้รับการบริจาคที่ดินจำนวน ๑๕ ไร่ ๓๕ ตารางวา จากคุณแม่ผ่องพรรณ  อุปติ หรือแม่แจ๋ว เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยมีมูลเหตุเนื่องมาจากเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙  หลังจากที่นำคณะสงฆ์จังหวัดแพร่โดยการนำของพระราชเขมากร (ประยุทธ ภูริทตฺโต) เจ้าคณะจังหวัดแพร่ ปฏิบัติธรรมประจำปี ระหว่าง ๑๒-๑๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ สำนักปฏิบัติธรรมโกศัยวนาราม (ดอยปัง-แพะเมืองผี) มูลนิธิคณะสงฆ์จังหวัดแพร่ และกลับวัดได้ ๕ นาที ก็มีโยมชวน คนบ้านร่องฟอง เข้ามาหาและปรารถถึงที่แห่งนี้ขึ้นว่าคุณแม่ผ่องพรรณ อุปติ อายุ ๗๐ ปีอยากจะถวายที่ดินให้พระไปอยู่สร้างสำนักปฏิบัติธรรม และประกอบกับอาตมาเองก็อยากได้สถานที่สร้างสำนักปฏิบัติธรรมพอดี ดังนั้นที่คิดว่าจะพักผ่อนสักหน่อยก็เลยลืมไปเลยจึงชวนหลวงพี่พระครูประสิทธิวรการ (ณรงค์ ธมฺมสุนฺทโร) เจ้าอาวาสวัดนาแก พร้อมด้วยแม่ชวนประสานกับแม่ผ่องพรรณ อุปติ ไปดูสถานที่ทันที และเมื่อไปเห็นแล้วก็เป็นที่ถูกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ไกลจากถนนใหญ่และตัวเมืองแพร่มากนัก สงบร่มรื่นดีมากมีต้นไม้ป่าไม้จำนวนมาก  จากนั้นก็ได้ไปสำรวจอยู่บ่อย ๆ จนถึงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นางสาวผ่องพรรณ อุปติ จึงได้ตัดแบ่งที่ดินจากทั้งหมด ๒๓ ไร่ ออกเป็น ๒ แปลงโดยเก็บไว้จำนวน ๘ ไร่ และได้ถวายแด่พระราชเขมากร จำนวน ๑๕ ไร่ ๓๕ ตารางวา

ต่อมานางสาวผ่องพรรณ อุปติ ก็ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าจะมอบถวายที่ดินดังกล่าวให้เจ้าคุณ ไม่รู้ว่าท่านว่างวันไหน และตกลงนัดมอบถวายกันในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๓๙ น.ทำพิธีบวงสรวงเจ้าที่เสร็จแล้วถวายภัตตาหารเพลพระและเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงานและถวายมอบถวายหนังสือโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๔๖๗๑ เล่มที่ ๓๔๗ หน้า ๗๑ ตำแหน่งที่ดิน ระวาง ๕๐๔๕๑ ๓๔๒๒ เลขที่ดิน  ๖๗๕ หน้าสำรวจ ๓๗๕๔  ตำบลแม่ยางตาล อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่   ซึ่งเป็นที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งกับนางสาวผ่องพรรณ อุปติ หรือแม่แจ๋ว ที่ทำให้ความปรารถนาสำเร็จเป็นเบื้องต้น และนอกจากนี้ยังต้องหาทุนซื้อที่ขยายเพิ่มเติมที่อยู่ติดกันอีก ๑๗ ไร่ ๙ ตารางวา ซึ่งเจ้าของตกลงที่จะขายให้แล้ว เพื่อเป็นสถานที่จอดรถที่พักอาศัยของผู้ปฏิบัติธรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ต่อไป โดยมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันซึ่งมีระยะเวลาไม่เกิด ๓ ปี และจ่ายเป็นงวด แบ่งเป็น ๓ งวดในวงเงินจำนวน ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าล้านหนึ่งแสนบาทถ้วน) แต่ทว่าภายในสามปีทางวัดไม่เงินพอที่จะซื้อทั้งหมดได้และหากจะกู้ยืมมาก็จะทำให้ทางวัดเป็นหนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาที่จะตามมาดังกล่าวจึงได้เสนอในที่ประชุมกรรรมการวัดว่าจะตัดแบ่งที่ดินออกเป็น ๒ ส่วนคือส่วนที่วัดซื้อได้จำนวน ๑๐ ไร่ ราคา ๓ ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการสร้างวัดและที่พักอาศัยสำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมต่อไป ส่วนที่เหลืออีก ๗ ไร่ ตัดออกไป รวมพื้นที่ทั้งหมดจำนวน ๒๕ ไร่ ๓๕ ตารางวา โดย ๑๕ ไร่ ๓๕ ตารางวา เป็นสังเวชนียสถานจำลอง ศูนย์ปฏิบัติธรรมราชเขมากรผ่องพรรณวนาราม และอีก ๑๐ ไร่ เป็นที่พักอาศัยโดยสร้างเป็น”วัดป่าพุทธภูมิ” ต่อไป