วัดถ้ำแสงเพชร

ตำบลหนองมะแซว อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ

Wat Tham Saeng Phet

Nong Ma Saeo Subdistrict, Mueang Amnat Charoen District, Amnat Charoen Province

ความเป็นมา

วัดถ้ำแสงเพชร สาขา 5 ของวัดป่าหนองพง หลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นผู้ก่อสร้างวัดถ้ำแสงเพชรวัดนี้ตั้งอยู่ที่  บ้านดงเจริญ  ตำบลหนองมะแซว อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ  37000 อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอำนาจเจริญ ไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนอรุณประเสริฐ  เส้นทางอำนาจเจริญ  อ.เขมราฐ ประมาณ 10 กิโลเมตร

วัดถ้ำแสงเพชรนี้ตั้ง อยู่บนเชิงภูเขา เขาลูกนี้มีลักษณะลาดไปทางทิศตะวันออก จึงมีถ้ำเกิดขึ้นจากเพิงหินหลายแห่งในจำนวนนี้ได้มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ 2 แห่ง คือ ถ้ำพระใหญ่ (ถ้ำแสงเพชร) และถ้ำพระน้อย (ถ้ำโคนอน)

เดิมชาวบ้านเรียกภูเขานี่ว่า ภูถ้ำขาม หรือถ้ำพระใหญ่ อยู่ท่ามกลางป่าอันร่มรื่น มีต้นไม้นาๆชนิด ขึ้นเขียวชอุ่ม อุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เมื่อก่อนชาวบ้านแถวนี้อาศัยเข้าไปหาของป่าและล่าสัตว์เป็นประจำ

ประมาณปี พ.ศ. 2498 พ่อใหญ่เทพ  บุญหาญ , พ่อใหญ่กุ กัลยารัตน์ , พ่อใหญ่จันทร์ การินทอง และพ่อใหญ่เป็ง  บุญกัณฑ์ ชาวบ้านหนองมะแซว ตำบลปลาค้าว อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี  ในขณะนั้นได้ว่าจ้างช่างมาปั้นพระช่างชื่อ นายสิงห์ โพธาริน ชาวบ้านปลาค้าวมาปั้นรูป พระพุทธเจ้า และพระปัญจวัดคีย์ทั้งห้า ไว้ที่ปากถ้ำขามเพื่อเป็นที่สักการบูชาของชาวบ้านแถบนั้น ปีต่อๆมาเมื่อถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านจะมาพร้อมกันไปสงน้ำพระปัญจวัดคีย์ทั้งห้า มีขบวนแห่ดอกไม้ ตีฆ้อง ตีกลอง ไปพร้อมกัน อยู่แรมคืนตลอดมาทุกปี 

วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511  หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณแถร) พร้อมด้วยมหาอมร เขมจิตโต(พระมงคลกิตติธาดาเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรมชาน์) และพระอาจารย์ โรเบิร์ต สุเมโธ (โรเบิร์ต แจดแมน) (พระราชสุเมธาจารย์) ได้เดินทางมายัง อำเภออำนาจเจริญ ซึ่งสมัยนั้นเป็นอำเภอหนึ่งของ จังหวัดอุบลราชธานี และพักที่สำนักสงฆ์บ้านบกเตี้ย 1 คืน ซึ่งมีพระอาจารย์โสม ถิรจิตโต พำนักอยู่ (หลังจากสร้างวัดถ้ำแสงเพชรแล้ว สำนักสงฆ์นี้ก็ร้างไป ปัจจุบันนี้เรียกว่า วัดบ้านดงเจริญ) หลวงพ่อชาและคณะได้

ครั้นรุ่งขึ้นเช้าวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 หลวงพ่อชาและคณะพร้อมญาติโยมแถวนั้นอีก 2-3 คน เดินทางขึ้นภูถ้ำขาม เดินลัดเลาะไปตามป่า โดยอาศัยเส้นทางเดินป่าของชาวบ้านถิ่นนั้น ครั้นตกเย็น หลวงพ่อชา และคณะได้พักที่หน้าถ้ำพระใหญ่ โดยญาติโยมได้ทำนั่งร้านปูด้วยไม้กระดาน เป็นที่พักชั่วคราว และได้ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกคืนอยู่ที่หน้าถ้ำแห่งนี้เป็นประจำ

ล่วงมาเช้าคืนที่ 4 ซี่งตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2511 หลังจากทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และแผ่เมตตา เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ขณะที่กำลังนั่งพักผ่อนฉันน้ำปานะอยู่นั้น หลวงชา สุภัทโท ได้ปรารถกับ พระมหาอมร เขมจิตโตว่า สถานที่นั่งสมาธิบำเพ็ญธรรมแห่งนี้สงบเย็นสบาย ปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เหมือนกับว่าเป็นที่เราเคยอยู่มาก่อน ถ้าไม่เห็นแก่สังขารจะนั่งสมาธิตลอดทั้งคืนโดยไม่นอนก็ได้

หลวงพ่อได้ปรารภต่อไปว่า ถ้ำแห่งนี้เรียกว่า “ถ้ำแสงเพชร” พระมหาอมรจึงค้านว่า ชาวบ้านเขาเรียกว่า ถ้ำพระใหญ่ แต่หลวงพ่อชา ก็ยืนยันว่า ไม่ใช่ ต้องเรียกว่า ถ้ำแสงเพชร ถึงจะถูก ตั้งแต่นั้นมาถ้ำพระใหญ่จึงกลายเป็น ถ้ำแสงเพชรตามที่หลวงพ่อชาได้ปรารภตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครกล้าถามถึงมูลเหตุแต่อย่างใด

พ.ศ. ๒๕๑๕ ความจริงได้มาเปิดเผยขึ้นมา โดยแม่พัด ซึ่งเป็นคนบ้านก่อ ได้มากราบนมัสการหลวงพ่อหนองป่าพง  เกิดอาการเหมือนเจ้าเข้าทรงพระมหาอมรจึงถือโอกาสสอบถามเกี่ยวกับ ความเร้นลับต่าง ๆ หลาย ๆ อย่าง 

จนกระทั้งได้ถามถึงถ้ำแสงเพชรจากคำบอกเล่าจากแม่พัดที่เข้าทรง ได้ความว่าที่ ถ้ำแสงเพชร เดิมสมัยก่อน พระยาเพชรราช เป็นผู้ปกครองดั้งเดิม มีพระมเหสีอยู่ ๒ พระองค์ พระยาเพชรราชเป็นผู้มีสมบัติ เพชรนิลจินดามาก ไม่ยอมยกให้ใคร จากคำบอกเล่าของนางพัด พระมหาอมรจึงนึกขึ้นได้ว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้นั้นเอง หลวงพ่อชา สุภัทโท จึงได้ประวัติของถ้ำที่แท้จริง คือ ถ้ำแสงเพชร 

หลวงพ่อชา ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ของผู้แสวงหาความหลุดพ้น จึงได้ปรับปรุงบริเวณหน้าถ้ำแสงเพชรโดยมีญาติโยมที่เป็นชาวบ้านไกล้เคียงมาช่วยเหลือ จึงได้ปรับปรุงพื้นที่ได้ชั่วคราวจากพื้นที่อยู่บนภูเขาสูง ไป-มา ลำบาก หลวงพ่อชาจึงย้ายลงมาอยู่ที่ราบเชิงเขาทางทิศใต้ ได้มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้ปลูกสร้างศาลามุงด้วยหญ้าคาไว้สำหรับ พระได้อาศัยบำเพ็ญธรรมชั่วคราว เส้นทางจราจรไป-มา ในขณะนั้นเป็นเพียงทางเชื่อมต่อถนนใหญ่ด้านหน้าเป็นระยะทาง ๓ กิโลเมตร 

หลวงพ่อชา สุภัทโท คิดจะปรับปรุงถ้ำแสงเพชรให้เป็นวัด เป็นสาขาที่ ๕ ของวัดหนองป่าพง จึงนำลูกศิษย์จากวัดหนองป่าพง เริ่มแผ้วถางป่า ทำทางผ่านป่าละเมาะมุ่งสู้ถ้ำแสงเพชร โดยจัดให้พวกหนึ่งอยู่ที่ถ้ำแสงเพชรและตีระฆังเป็นระยะ พวกหนึ่งแผ้วถางทางไปตามเสียงระฆังเมื่อได้แนวของเส้นทางแล้ว จึงกำหนดให้ถางออกกว้างโดยอาศัยปักไม้ไผ่ไส้เป็นระยะ ระฆังเป็นสามหลักเป็นเส้นทางตรงเดียวกัน ก่อนจะถอนแต่ละหลักไปปักข้างหน้าเรื่อยๆไปจนทะลุถึงถ้ำแสงเพชร เครื่องมือ มีด จอบ เสียม ตามชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาหามาได้ ด้วยร่วมมือกันของชาวบ้านด้วยความเสียสละ โดยหวังเพียงบุญกุศลได้ทางเข้าพอรถแล่นได้บ้าง แต่ยังไม่สะดวกนัก