ปัจจุบันตั้งอยู่บ้านเลขที่ 546 หมู่ที่ 1 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 57150 เจ้าของร้านชาทรงเสวย นางนาติ จะพะ (ชิงชิง) 

          สมัยก่อนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ มาขายชาเปิดร้านชาของตัวเอง สมัยก่อนชีวิตลำบากมาก พ่อแม่เป็นชาวเขามีลูก 6 คน เราเป็นคนโต หนังสือก็ไม่ได้เรียน ต้องศึกษาเอาเอง พออ่านออกเขียนได้ ตั้งแต่เปิดร้านมาบัญชีทุกอย่างทำเองหมด เมื่อปี พ.ศ. 2541 เปิดร้านขายชา ชื่อร้านชา “อูหลงสามเหลี่ยมทองคำ” โดยบริษัทชาวังพุดตาลเป็นผู้ออกทุนให้ทั้งหมด ทั้งชาและอุปกรณ์ชงชา เขารู้ว่าเราเป็นคนขยัน พูดจริงทำจริง ตรงไปตรงมา ชงชาครั้งแรกไปเรียนที่บริษัทวังพุดตาล น้องชายกับน้องสาวเขาเป็นคนสอนให้ ต่อมาก็ได้เรียนกับผู้จัดการใหญ่ ซึ่งเป็นชาวไต้หวันเขาแวะมาเยี่ยมที่ร้าน เขามาสอนวิธีการชงชาให้ ครั้งแรกเขาบอกให้เราเป็นเถ้าแก่นั่งดูเฉย ๆ ส่วนตัวเขาเป็นลูกน้อง เริ่มตั้งแต่ต้อนรับแขกอย่างไร พูดจาอย่างไร ชงชาอย่างไร คือเราต้องรู้จักสังเกตลูกค้าคนหนุ่มหรือคนแก่ คนไทยหรือคนจีน ถ้าคนไทยก็ชงชาอ่อนหน่อย ถ้าคนจีนก็ชงชาให้เข้มหน่อย ต้องเป็นคนรู้จักสังเกต เตรียมพร้อมที่จะต้อนรับตลอดเวลา หลังจากต้อนรับแขกได้ 2-3 ชุดแล้ว เถ้าแก่ก็ให้ไปลองชงชาให้ดูบ้าง ตอนนั้นมีผู้ช่วยอยู่ 2 คน ก็เลยให้ผู้ช่วยเรียนไปด้วย ผู้ช่วยคนหนึ่งทำไม่ได้ร้องไห้ คือ เวลาชงชาเราต้องเจอลูกค้าหลายประเภท เราต้องใช้ความตั้งใจจริง ความสุภาพและความอดทน 

          เมื่อปี พ.ศ. 2543 เปิดร้านชาเข้าปีที่ 2 ก็มีหัวหน้าศูนย์แม่ฟ้าหลวงมาตามถามว่า “วันที่ 10 เดือนธันวาคม อาชิงว่างไหม อยากให้ไปช่วยชงชาถวายสมเด็จพระเทพฯ หน่อย” ในวันที่ 10 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2543 พี่ก็ได้มีโอกาสชงชาอูหลงก้านอ่อน ถวายสมเด็จพระเทพฯ และอาจารย์ชาวปักกิ่งที่สอนภาษาจีนให้กับพระองค์ท่าน ต่อมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้มีโอกาสชงชาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และสมเด็จพระเทพฯ อีกครั้งที่ดอยแม่ฟ้าหลวง และในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2547 ก็ได้มีโอกาสชงชาถวายสมเด็จพระเทพฯ อีกครั้งหนึ่งที่วัดพระธาตุผาเงา พระองค์ตรัสว่า “ปัจจุบันคนไทยหันมาดื่มชาเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น” และด้วยเหตุผลนี้เองชื่อ “ร้านชาทรงเสวย” จึงนำมาใช้แทนชื่อร้านชาอูหลงสามเหลี่ยมทองคำอันเป็นชื่อเดิม

          ตลาดชาบ้านเรายังไปได้ไกลอีก แต่ต้องมีความตั้งใจจริงและอดทน อย่างคนทานชา ถ้าทานบ่อย ๆ ก็จะดีต่อสุขภาพ สมมติว่าทุกวันนี้เรามีเงินเยอะ แต่สุขภาพไม่ดี ก็ไม่มีความสุข การทำงานทุกอย่างต้องมีอุปสรรค ส่วนหนึ่งก็ได้กำลังใจมาจากเถ้าแก่ใหญ่บริษัทชาวังพุดตาล ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ต้องต่อสู้ชีวิตมาทุกอย่าง กว่าจะมาเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ในจีนและไต้หวัน 

          ได้ไปเมืองจีนได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่น แล้วมองย้อนกลับมาที่บ้านเรา นี่ถ้าคนไทยไม่ขี้เกียจนะ งานที่บ้านเรามีให้ทำเยอะแยะไม่ลำบากเหมือนประเทศจีน และนั่นก็อาจมีส่วนทำให้เขาเป็นนักสู้ชีวิต พูดจาเสียงดังอย่างกับจะตีหัวกัน แต่ไม่ใช่ เขาพูดเสียงดังเพื่อให้เข้าใจกัน พูดกันตรงนั้น จบตรงนั้นแล้วก็กลับมาดีกัน ช่วยเหลือกันเหมือนเดิม 

          ปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่เชียงแสนอีกแห่งหนึ่ง ใช้ชื่อ “ชิงชิง ธุรกิจ ไทย-จีน”