
“สถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะของไทยและศิลปะของเขมร ถูกถ่ายทอดออกมาแบบอลังการงานสร้าง มีความงดงามแบบไทยอยู่ด้วย และมีความขลังแบบฉบับศิลปะของเขมรอยู่ด้วย ที่ “ศาลหลักเมืองสุรินทร์””ข้อมูลทั่วไป
ศาลหลักเมืองจังหวัดสุรินทร์
ก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่ศาลเก่าๆเท่านั้น ไม่มีเสาหลักเมืองด้วยซ้ำไป ซึ่งในตอนนั้น ทุกคนก็ร่ำลือในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นเพียงศาลเก่าๆไม่ได้มีการสร้างเพิ่มหรือพัฒนาอะไรขึ้นมา ก็ยังคงเป็นที่เคารพสักการะของของทุกคนเป็นอย่างดี ทั้งชาวบ้าน ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต่างก็เคารพทั้งนั้น ผ่านเวลามาเป็น 100 ปีแล้วก็ยังคงเหมือนเดิมในสมัยนั้น เริ่มมีการลงเสาหลักเมืองกันบ้างแล้วในเมืองอื่นๆ หรือในจังหวัดอื่นๆ ในจุดนี้กรมศิลปากรก็ได้เข้ามาดูแลเรื่องของการลงเสาหลักของศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธ์แห่งนี้ในปี พ.ศ.2511 เป็นปีที่กรมศิลปากรอนุมัติให้มีการก่อสร้างบูรณะขึ้นมาใหม่โดยเสาหลักนั้นทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ (ซึ่งได้มาจาก นายประสิทธิ์ มณีกาญจน์) ซึ่งความยิ่งใหญ่ก็ดูได้จากไม้ชัยพฤกษ์ที่มีความสูงกว่า 3 เมตร
การเริ่มก่อสร้าง เสร็จสิ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 ซึ่งในตอนนั้น ก่อนที่จะนำเสาไปตั้งก็ได้มีการแห่รอบเมืองก่อน มีงานสมโภชฉลองเสาหลักเมืองอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านทุกคนต่างก็ทึ่งในความสวยงามของเสาหลักเมืองไม้ชัยพฤกษ์ที่ทำการแกะสลักอย่างสวยงามภายใต้การดูแลของกรมศิลปากรที่จัดทำขึ้น ความเป็นสิริมงคลยิ่งกว่านั้นก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 9)ได้ทำการเจิมเสาหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลของชาวเมืองสุรินทร์ ซึ่งในตอนนั้น ชาวบ้านทุกคนต่างปลื้มปริ่มในใจ เพราะพระองค์ท่านมีพระราชดำรัสให้ข้อคิดในเรื่องของการตั้งเสาหลักเมือง ว่าเปรียบเสมือนจุดศูนย์รวมของทุกคน รวมความรัก ความสามัคคีของทุกคนเอาไว้ที่เสาต้นนี้ นับว่าเป็นเรื่องมงคลสูงสุดทีเดียว การตั้งเสาหลักเมืองประดิษฐานในตอนนั้นก็เป็นไปได้ด้วยดี พร้อมกับการก่อสร้างศาลหลักเมืองใหม่ที่เสร็จสิ้นแล้ว ที่ใช้ศิลปะของทางเขมรเข้ามาร่วมเป็นศิลปะที่สวยงาม มองดูแล้วมีความขลัง ได้รับความรู้สึกน่าเกรงขามและอ่อนช้อยไปในเวลาเดียวกัน สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์แม้เดินทางไปถึงครั้งแรกแบบที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน
เวลาเปิด – ปิด : 07.00 – 18.00 น.