ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ประวัติวัดพระธาตุโป่งดินสอ
วัดพระธาตุโป่งดินสอ ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นวัดที่สร้างจากแรงศรัทธาของญาติโยมชาวบ้านโป่งดินสอ หมู่ที่ 15 ตำบลโคกกรวด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยแต่เดิมนั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าช้าประจำหมู่บ้าน ใช้เป็นสถานสำหรับฝังศพเพื่อรอการบำเพ็ญกุศลตามประเพณีนิยมในยุคก่อน เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงชาวบ้านไม่นิยมเก็บศพไว้แล้ว ประกอบกับการเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น ชาวบ้านจึงค่อย ๆ เปลี่ยนวิธีการในการจัดงานศพโดยการจัดพิธีบำเพ็ญให้แล้วเสร็จและนำศพไปเผาที่ฌาปนสถาน (เมรุ) ตามวัดในหมู่บ้านใกล้เคียง
สถานที่แห่งนี้จึงกลับมาเป็นป่าชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพืชพันธ์ตามธรรมชาติต่าง ๆ ชาวบ้านจึงอาศัยที่แห่งนี้เป็นแหล่งสำหรับเก็บของป่า เช่น เห็ด ผักหวาน เป็นต้น
จนกระทั่งเมื่อปีพุทธศักราช 2547 จึงเริ่มมีพระภิกษุผู้จาริกธุดงค์มาพักอาศัย สลับกับบางคราวก็มีพระภิกษุผู้เป็นชาวบ้านในพื้นที่ใช้เป็นที่พำนักจำพรรษาเรื่อยมา ชาวบ้านเห็นเป็นโอกาสอันดีจึงร่วมกันสร้างเสนาสนะ อันมีกุฏิศาลาและห้องสุขาเป็นต้น เพื่อไว้อำนวยความสะดวกสำหรับภิกษุผู้มาพักอาศัย และเหมาะแก่การเข้ามาทำบุญของชาวบ้านโป่งดินสอ จากนั้นจึงยกระดับเป็น “สำนักสงฆ์” ในวันที่ 13ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2555 และมีพระสงฆ์มาพักจำพรรษาอยู่ประจำเรื่อยมา และเมื่อมีความพร้อมเพรียงทั้งด้านพระภิกษุ ด้านชาวบ้าน ด้านเสนาสนะมากขึ้นแล้ว จึงมีการทำเรื่องขออนุญาตต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อยกระดับกลายเป็นวัด (ที่พักสงฆ์) โดยเรียกขานนามใหม่ว่า “วัดพระธาตุโป่งดินสอ” ในวันที่ 20 มีนาคม พุทธศักราช 2561
พระธาตุโป่งดินสอ
พระธาตุโป่งดินสอเป็นพระธาตุเจดีย์ที่เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2557 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปีพุทธศักราช 2562 มีฐานสี่เหลี่ยมทาด้วยสีทองตลอดทั้งองค์ สูง 32 เมตร ฐานกว้าง 15 X 20 เมตร สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เป็นพระธาตุเจดีย์ประจำปีเถาะ มีสัญลักษณ์รูปปั้นกระต่ายอยู่ด้านหน้าภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย และส่วนหนึ่งจากพระมหาเถระพ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้เมตตามอบให้ ภายในพระธาตุยังมีพระธาตุองค์เล็กซึ่งจำลองมาจากรูปแบบพระธาตุเจดีย์วัดพระธาตุพนมอีก ๑ องค์ เป็นพระธาตุเจดีย์ที่สร้างขึ้นด้วยพลังความศรัทธาของคณะสงฆ์ พุทธศาสนิกชน ข้าราชการ ที่มีต่อพระพุทธศาสนา และด้วยความจงรักภักดีที่มีต่อพระมหากษัตริย์ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของพระธาตุโป่งดินสอ คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังมีความวิจิตรงดงามมาก เนื่องจากเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
เป็นหนึ่งในศาสนวัตถุที่พุทธศาสนิกชนให้ความศรัทธา กราบไหว้ขอพรและสำเร็จดังปรารถนา รวมถึงในแง่การท่องเที่ยวซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ มาเที่ยวชมเก็บภาพเป็นที่ระลึกและเป็นพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่หนึ่งเดียวในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยในทุก ๆ ปีชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนรวมทั้งหน่วยงานราชการท้องถิ่น ได้จัดให้มีประเพณีการจัดงาน “นมัสการพระธาตุโป่งดินสอ” ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนมีนาคม ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมทั้งการเปิดให้ประชาชนได้เข้านมัสการพระธาตุโป่งดินสอ การอัญเชิญพระอุปคุตมหาเถระพร้อมด้วยขบวนแห่อัญเชิญที่สวยงามและยิ่งใหญ่ตระการตา จากความสามัคคีพร้อมเพรียงใจกันของทั้งประชาชนในท้องถิ่นและจากทั่วทุกสารทิศ รวมถึงการละเล่นและการแสดงโชว์ตามวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่อย่างไรก็ตามแม้ในช่วงเวลาปกติพระธาตุโป่งดินสอก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา ของจังหวัดนครราชสีมา ที่ประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจมาเที่ยวชมทุกวันตลอดปี
วังพญานาค วัดพระธาตุโป่งดินสอ
วังพญานาค เป็นหนึ่งในสถานที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อโบราณของชาวบ้านโป่งดินสอ และเป็นสถานที่ซึ่งคณะสงฆ์วัดพระธาตุโป่งดินสอร่วมสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรให้สำเร็จ สมความปรารถนา แต่เดิมนั้นสถานที่แห่งนี้เป็นแต่เพียงเนินปู่ตา ที่ชาวบ้านใช้เคารพกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ และเมื่อเวลาผ่านไปมีผู้นำเสาตะเคียนขนาดใหญ่มาพักไว้ ประกอบกับชาวบ้านเริ่มมีความเชื่อเรื่องของพญานาค จึงได้มีการปรึกษากับคนทรงและมีมติจะสร้างเป็นสถานที่สำหรับกราบไหว้บูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบไปด้วยการสร้างรูปปั้นพญานาคใหญ่โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่าบริเวณแห่งนี้เป็นที่อยู่ของพญาทะนะมูลนาคราชและจากนั้นทางคณะสงฆ์ก็ได้ร่วมมือกับชาวบ้าน สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้กราบไหว้ขอพรและสำหรับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของทางวัดและทางหมู่บ้านโป่งดินสอ โดยมีการจัดสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรกเพื่อให้เข้ากับสถานที่ที่ได้ชื่อว่า “วังพญานาค” และนำเสาตะเคียนทั้งหมดนั้น สร้างเป็นศาลาแม่ตะเคียนเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ เป็นสถานที่สำหรับชาวบ้านที่มีความเชื่อศรัทธาได้มากราบไหว้ขอพรและสวดมนต์แล้วรวมถึงใช้เป็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยว ในปัจจุบันวังพญานาคได้รับการดูแลจากชาวบ้านและทางวัดพระธาตุโป่งดินสอ มีการจัดสถานที่ไว้สำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้แสวงโชคที่มาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ไว้อย่างสวยงาม โดยจัดเป็นชั้นต่างๆและมีห้องสุขาสำหรับบริการนักท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งก็เป็นบรรดานักแสวงโชค ซึ่งมีความเชื่อว่าเมื่อมากราบไหว้อธิษฐานขอพรที่วังพญานาคแล้วก็มักจะสำเร็จสมดังที่ปรารถนาในหลายๆประการ ในด้านการท่องเที่ยวนั้นวังพญานาคเป็นหนึ่งเดียวในเขตอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาเช่นกัน ซึ่งมีรูปปั้นพญาทะนะมูลนาคราช ตามความเชื่อของชาวบ้านมีขนาดความสูงประมาณ 2 เมตรครึ่ง แลดูได้โดดเด่นแต่ไกลและสวยงามมากจึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกรวมถึงมากราบนมัสการขอพรด้วยเช่นกัน
อุโบสถล้านช้าง
อุโบสถประจำวัดพระธาตุโป่งดินสอ ได้รับการสร้างขึ้นโดยได้นำแบบมาจากเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาวซึ่งเป็นอุโบสถทรงหลังคาห้าจั่ว โดยมีจั่วด้านหน้าสำหรับใส่ช่อฟ้า 3 ชั้นและจั่วด้านหลัง 2 ชั้น แม้จะยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ก็มีความสวยงามโดดเด่นและแตกต่างจากวัดทั่วๆไปในบริเวณเขตอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา โดยขณะนี้มีการก่อสร้างไปแล้วกว่า 50% และทางวัดกำลังรับบริจาคปัจจัยเพื่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยคาดว่าอีก 3 ปีก็น่าจะสร้างได้แล้วเสร็จ ในอุโบสถทรงล้านช้างของวัดพระธาตุโป่งดินสอนั้น ประดิษฐานพระพุทธรูป พระประธานทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ
พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ มีประวัติการสร้างขึ้นสมัยอยุธยา ตั้งแต่ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 สร้างขึ้นตามคติเรื่อง “ชมพูบดีสูตร” หรือพระพุทธเจ้าทรงทรมานพระยาชมพูบดี ซึ่งกล่าวถึงสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จประทับสำราญพระอิริยาบถอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสารพุทธอุบาสก ถูกพระยาชมพูบดีกษัตริย์ผู้ทรงอานุภาพเป็นที่ยำเกรงของกษัตริย์ทั้งหลายคุกคาม จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เวฬุวัน เพื่อขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นด้วยพระญาณว่าจะโปรดพระยาชมพูบดีได้ จึงทรงเนรมิตพระเวฬุวันประดุจเมืองสวรรค์ และทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ทรงเครื่องราชาภรณ์ทุกประการ แล้วตรัสให้พระอินทร์เป็นทูตไปเชิญพระพระยาชมพูบดีมาเฝ้า พระยาชมพูบดีแพ้แก่ฤทธิ์พระอินทร์จึงยอมเข้าเฝ้ายังเวฬุวันวิหาร สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทรมานพระยาชมพูบดีให้คลายจากความถือดีด้วยประการต่างๆ แล้ว ทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมและทรงแสดงธรรมจนพระยาชมพูบดีสิ้นทิฐิมานะ ขอบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสาวกในพระพุทธศาสนา
ประวัติเจ้าอาวาส
ชื่อ พระอธิการวัฒนชัย ฉายา คุณสมฺปนฺโน สังกัด มหานิกาย
ชื่อเดิม วัฒนชัย นามสกุล วิสัยเกตุ
คลิกเพื่อนำทาง