หนีห่าวววววว และแล้วก็ได้เวลาเดินทางทริปในฝันของปีนี้แล้ว เนื่องจากทริปนี้ฉันจะออกเดินทางตามความฝัน และเป็นทริปที่ตั้งใจจะพาคุณพ่อไปเที่ยวในเดือนเกิด แต่รูทที่เลือกเดินทางบอกเลยว่า ไม่ธรรมดาแน่ๆ สำหรับฉันในวัยยี่สิบปลายๆ กับคุณพ่อในวัย 65 กับการผญจภัยครั้งใหม่ในดินแดนมังกร (ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เดินทางกันแบบสองคนพ่อลูก ที่ไม่มีใครพูดจีนได้ แล้วก็ไม่ได้มีไกด์ทัวร์แต่อย่างใด)
สำหรับเส้นทางเลือกนั้นได้แก่ ฉางซา มณฑลหูหนาน ฉันจะเดินทางไปยังหุบเขาอวตารหรือที่รู้จักกันในแพนโดร่า ที่อุทยานจางเจียเจี้ย และ ชมเมืองโบราณที่เฟิ่งหวง ในระยะเวลา 5 วัน 4 คืน พร้อมแล้วไปลุยกันเลย!!
Day 1 : DMK
เริ่มต้นกันด้วยวันแรก ฉันและคุณพ่อมารอเช็คอิน เพื่อโหลดกระเป๋าที่สนามบินดอนเมือง เราเดินทางกันด้วยสายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD 540 (ซึ่งบินตรงจากดอนเมืองสู่ฉางซา) วันนี้คนค่อนข้างเยอะมาก รอต่อแถวเช็คอินแบบแน่นทุกเค้าเตอร์กันเลยทีเดียว ร
เมื่อถึงเวลาฉันก็ยื่นตั๋วให้กับพนักงาน พร้อมกับสัมภาระที่จะโหลดไปใต้ท้องเครื่อง เห็นTag กระเป๋าติดแล้วก็เอากระเป๋าไปตรวจเช็ค พร้อมกับส่งโหลดใต้ท้องเครื่อง
หลังจากเช็คอินกับโหลดสัมภาระเสร็จแล้วฉันกับคุณพ่อก็เดินเข้าเกท ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของบ้านเรา และก็ไปเตรียมรอขึ้นเครื่องบินได้เลย เที่ยวบินนี้ออกในเวลา 18.10 และจะถึงฉางซาในเวลา 22.30 โดยใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง กว่าๆ ซึ่งเวลาที่จีนจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
คุณพ่อของฉันพร้อมแล้วที่จะออกเดินทาง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่คอยตรวจเช็คและดูแลตลอดการเดินทางเป็นอย่างดี จริงๆ ต้องบอกว่าคุณพ่อฉันเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ เพราะต้องไปทำงาน แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่คุณพ่อกับฉันเดินทางด้วยเครื่องบินด้วยกันสองพ่อลูก และเป็นการเที่ยวครั้งแรกของฉันกับคุณพ่อ คุณพ่อจึงเลือกนั่งที่ริมหน้าต่าง
หลังจากที่คุณพ่อนั่งหลับๆ ตื่นๆ แต่ฉันนั่งดูซีรีย์จบไปสองสามตอน เราก็มาถึงสนามบินฉางซากันแล้ว ฉันหันไปมองนาฬิกา ตอนนั้น 22.30 ทันทีที่เครื่องแลนดิ้ง ฉันก็สัมผัสได้ถึงความหนาวของอากาศเลย (เนื่องจากช่วงที่ฉันไปเป็นช่วงฤดูหนาวของที่นี่ด้วย ทำให้เราต้องเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ กันไป)
ขนาดเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ มา แต่เราไม่คิดว่าจะหนาวตั้งแต่ตอนลงเครื่อง เพราะชุดของพวกเรานั้นก็ยังไม่พร้อมนั้นเอง แต่ยังไงเราก็พร้อมสู้กับอากาศหนาวๆ (ที่บ้านเราไม่มี) เมื่อลงเครื่องมา เราก็เดินตรงมาเรื่อยๆ เดินไปตาม(คนจีน) เพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของบ้านเขา เนื่องจากบนเครื่องไม่มีใบตม.ให้กรอก เราจึงต้องไปกรอกใบตม.กันก่อน ก่อนที่จะไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ อากาศหนาวๆ ที่นี่ก็มีตู้กดน้ำร้อนน้ำเย็นให้บริการตั้งแต่ในสนามบินเลย (ฟรี)
เจ้าหน้าที่ค่อนข้างเข้มงวดทั้งคนเข้าคนออก ถามฉันหลายประโยคมากทั้งพักที่ไหน? กลับเมื่อไหร? ไปเที่ยวที่ไหน? ฉันก็เลยยื่นเอกสารต่างๆ ที่เตรียมมาพร้อมแผนเที่ยวให้กับเจ้าหน้าที่ และหลังจากที่เราผ่านเจ้าหน้าที่ตม.มาได้แล้ว ก็ไม่ลืมที่จะไปรับกระเป๋าที่โหลดมา
เมื่อรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เดินออกมาตามทาง มองหาทางออกที่ 1 ตรงนั้นจะมีจุดซื้อตั๋วรถ Shutter bus เพื่อต่อออกไปยังตัวเมือง ฉันกับคุณพ่อดูนาฬิกาตอนนั้นเกือบห้าทุ่ม แล้วเราก็เลยรีบเดินเพื่อไปยังจุดขายตั๋ว จริงๆ แล้วทางออกที่เราออกมาจะเป็นทางออกที่ 5 แต่เราต้องเดินย้อนกลับไปที่จุดที่ 1 ต้องบอกว่าจริงๆ ก็แอบกลัวมากๆ กลัวหลง เพราะคนที่นี่แทบไม่พูดอังกฤษเลย เรียกได้ว่าเราพูดอังกฤษไปเค้าก็ทำหน้าเหวอๆ ใส่กลับมา เพราะฉะนั้นสกิลการเอาตัวรอดต้องมีให้ได้อย่างแน่นอน
เดินมาตรงประตู 1 จะเจอจุดขายตั๋ว ฉันพยายามที่จะพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าหน้าที่ แต่เราก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง สรุปฉันเลยยื่นใบโรงแรมให้เค้าดู และรายละเอียดที่ตั้ง เค้าก็เลยขายตั๋วให้และบอกให้ไปขึ้นรถที่ป้าย No.2 ตรงนี้เป็นจุดเปลี่ยนฉันมาก เปลี่ยนแบบไม่รู้จริงๆ ว่ารถที่จะไปขึ้นนี่จะไปส่งตรงไหนแต่พอคิดมาได้ว่าเราจะกังวลไม่ได้ เพราะไม่อยากให้คุณพ่อกลัวก็เลย เอาหว่ะ!!! ไปไหนก็ไปกัน ราคาตั๋ว shutter bus ไปยังสถานีปลายทางคนละ 18 หยวน
และนี่ก็คือหน้าตารถที่ฉันขึ้นต่อไปยังตัวเมืองฉางซา และบรรยากาศบนรถ ต้องบอกก่อนเลยว่าลงเครื่องมา และยังไม่ทันออกจากสนามบิน อากาศหนาวมาก (ถ้าใครจะมาในช่วงนี้อยากให้เลือกการแต่งตัวนิสนึง) รถค่อยๆ แล่นออกจากสนามบิน และผ่านทางด่วน ฉันคิดว่าด่วนเพราะรถน้อยมาก คนขับๆ มาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงที่หมาย อันนี้เดา เพราะเริ่มมีคนทยอยลงบ้างประปราย ตามจุดต่างๆ มาช้าไปหน่อย รถใกล้เต็มแล้วเลยต้องนั่งหลังสุดเลยจ้า
และแล้วก็มาถึงป้ายสุดท้ายที่รถ shutter bust มาจอด นั้นคือ Civil Aviation Hotel ใช่แล้วรถบัสจากสนามบินจะมาจอดที่จุดนี้ตรงป้ายสุดท้าย เมื่อฉันเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกเลย อย่างน้อยก็มาถูกทางแล้ว
หลังจากลงรถฉันก็ดู Map เพื่อไปยังโรงแรมที่พักที่จองไว้ในคืนแรก ต้องบอกก่อนเลยว่าฉันเลือกจองโรงแรมไปเลยผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เพราะไม่อยากเดินหา และไม่อยากเสี่ยง ก็พยายามเลือกโรงแรมที่มีคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้และที่เจ้าของโรงแรมใจดี
และสำหรับโรงแรมในคืนแรกของฉันคือ Mellow Orange Hotel ที่ต้องบอกว่าจากที่รถ Shutter bus มาส่ง ให้เดินย้อนกลับมาทางที่จะไป Metro โรงแรมอยู่ติดถนนใหญ่ ฝั่งเดียวกับ Civil Aviation แบบไม่ต้องเดินหา ห่างกันแค่ 100 เมตร ตอนนั้นฉันเชื่อ Google map และรีบเดินกันสองคนพ่อลูกด้านหน้าโรงแรม ถ่ายตอนเช้าถึงแล้ว Mellow Orange Hotelบรรยากาศด้านในโรงแรมเข้ามาอุ่นพอควร
และนี่คือห้องพักในคืนแรกของฉันกับคุณพ่อ ฉันว่าในราคา 1,000 บาท แต่ว่าห้องพักสะอาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้คืนแรกของการมาจีนของฉันกับคุณพ่อค่อนข้างประทับใจ จริงๆ โดยส่วนตัวเป็นคนเชื่อว่า ถ้าครั้งแรกได้เจอสิ่งดีๆ ต่อไปตลอดทริปก็จะจบลงได้อย่างดีเช่นกัน
หันไปมองนาฬิกาข้อมือ ก็แอบเห็นว่าเที่ยงคืนกว่าแล้ว และด้วยความที่เราค่อนข้างหิว และเห็นว่าหน้าโรงแรมมีร้านอาหารเล็กๆ ก็เลยขอลงไปลองลิ้มชิมรสกันเสียหน่อย
ร้านนี้อยู่ติดกับโรงแรมที่เราพักเลย คือลงมาออกจากหน้าประตูโรงแรมร้านอยู่ซ้ายมือ เห็นดึกๆ แบบนี้แต่จะบอกว่าคนเยอะเหมือนกันนะเนี้ยะ
เมื่อไม่รู้ภาษาจีนและอ่านไม่ออก ตอนนั้นการสั่งอาหารของฉันกับคุณพ่อก็ได้แต่มองรูปและชี้ๆ ภาพว่าเอาแบบนี้ และก็ถามว่าราคาเท่าไหร (ในภาษาจีน พูดว่า ตั๋ว เซ่า เชียน)
และนี่ก็คือสิ่งที่ได้มาจากการชี้ไปที่รูป ในราคา 8 หยวน หรือประมาณ เกือบ 40 บาท จริงๆ คือไม่รู้จริง ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ได้กินของร้อนๆ ในตอนที่อากาศหนาวๆ แบบนี้ บอกเลยว่าอร่อย และอุ่นเลยจริงๆ หลังจากที่กินเสร็จแล้ว หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อยตาม และเพื่อเก็บแรงไว้วันพรุ่งนี้ คืนนี้ก็คงต้องขอลาไปพักกันก่อน