วัดทุ่งสว่าง
ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
Wat Tung Sawang
Tung Yai Subdistrict, Kantharalak District, Sisaket Province

ประวัติวัดทุ่งสว่าง
วัดทุ่งสว่าง ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งใหญ่ เลขที่ ๑๕๐ หมู่ที่ ๔ ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
อาณาเขต
ทิศเหนือ จดที่มีการครอบครอง
ทิศใต้ จดถนนสาธารณะประโยชน์
ทิศตะวันออก จดถนนสาธารณะประโยชน์
ทิศตะวันตก จดถนนสาธารณะประโยชน์

วัดทุ่งสว่าง ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๔ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดเก่าสร้างขึ้นก่อน พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งเจ้าคณะปกครองดูแลปกครองจนถึงปัจจุบัน

มีพระครูกิตติพลาธร,ดร (กลัด กิตฺติธโร) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ถึงปัจจุบัน และพระอมรศักดิ์ กิตฺติทนฺโต (อมรศักดิ์ อ่อนทรวง) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงปัจจุบัน ได้รับวิสุงคามสีมา วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร มีที่ดิน น.ส. ๔. ๙ ไร่ ๘๕ ตารางวา

อาคารเสนาสนะ
อุโบสถ กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร
อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๔
กุฏิสงฆ์ จำนวน ๓ หลัง อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้
ศาลาอเนกประสงค์ กว้าง ๒๕ เมตร ยาว ๒๕ เมตร
อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕
ศาลาบำเพ็ญกุศล กว้าง ๖ เมตร ยาว ๙ เมตร
อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐
นอกจากนี้มีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ดังนี้
ฌาปนสถาน จำนวน ๑ หลัง หอระฆัง จำนวน ๑ หลัง
และโรงครัว จำนวน ๑ หลัง

ประวัติการสร้างอุโบสถ
๑. พระโคนได้จัดหาเสาไม้ก่อน
๒. เจ้าอธิการเพ็ชรได้จัดทำต่อมาแต่ไม่สำเร็จ ท่านทั้งสองนี้ได้ลาสิกขาบทไป ต่อมาเจ้าอธิการมาน ชุติโม (ภายหลังได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูสุเขตวุฒาจารย์) ได้ประชุมทายกทายิกาพร้อมเพรียงกัน ทำต่อมาจนแล้วเสร็จ และได้ทำพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ หน้าตักกว้าง ๖ ศอก สูง ๖ ศอก มีนายตึด ยอดโพธิ์ และนายก๊วง ไพสูรย์ เป็นช่าง ในราคา ๑๐๐ บาท ผู้ดำเนินงานมีดังนี้
๑. ท่านขุนศรี ขุขันธ์เขต ๒. นายแพทย์เตาะ หอมคำ
๓. อาจารย์นวน ปัญชาติ ๔. ท่านผู้ใหญ่หนุน
๕. ท่านผู้ใหญ่ว็อง ๖. ท่านผู้ใหญ่ตุ่น
๗. ท่านผู้ใหญ่ไอย์ ๘. ท่านผู้ใหญ่ตุ่ม
๙. ท่านผู้ใหญ่จาย ๑๐. ท่านผู้ใหญ่มี
๑๑. ท่านผู้ใหญ่นาค ๑๒. ท่านผู้ใหญ่คง
อุโบสถหลังเก่าได้สร้างในสมัยเจ้าอธิการมาน ชุติโม ได้ชำรุดทรุดโทรมลง แล้วได้รื้อออกสร้างใหม่ในที่เดิม ในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ แล้วเสร็จเรียบร้อย ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ซึ่งมีพระอธิการอุบล ปุญญกาโม เป็นเจ้าอาวาสวัด สิ้นค่าก่อสร้าง ๑,๐๖๙,๙๔๓.๗๕ บาท
ปูชนียวัตถุ
- พระประธานประจำอุโบสถ ปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตัก กว้าง ๓ เมตร สูง ๕ เมตร - พระประธานประจำศาลาการเปรียญ ปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตัก กว้าง ๒ เมตร สูง ๒.๕๐ เมตร

การศึกษา
มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
มีหน่วยอบรมประจำตำบล (อ.ป.ต.) แต่งตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔


ประวัติพระครูสุเขตวุฒาจารย์ (หลวงปู่มาน ชุติโม)
หลวงปู่มาน ชุติโม เกิดวันจันทร์ที่ ๑๔ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๒๖ เกิดที่บ้านทุ่งใหญ่ ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรของนายสิงห์ – นางเปรีย ชุติมะ มีพี่น้องด้วยกัน ๕ คน ได้แก่ ๑. พระครูสุเขตุวุฒาจารย์ มรณะภาพ ๒. นายซอ ชุติมะ มรณะกรรม ๓. นางโอน คำจุน มรณะกรรม ๔. นางตุจ ชุติมะ มรณะกรรม ๕. นางพวง วิลา มรณะกรรม


หลวงปู่มาน เมื่ออายุ ๑๓ ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดทุ่งสว่าง (วัดบ้านกันจด) ในระหว่างที่บวชเป็นสามเณรอยู่ในวัด ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางธรรมและทางโลกจนอ่านออกเขียนได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาขอม สามารถสอนเทศนาในหนังสือคัมภีร์ใบลานภาษาขอมได้เป็นอย่างดี เมื่อย่างเข้า ๑๘ ปี จึงได้ลาสิกขาบทออกมาเพื่อช่วยคุณพ่อคุณแม่ ทำนา ทำไร่ ปลูกข้าวชั่วระยะหนึ่ง จนถึงอายุได้ ๒๑ ปี การทำมาหากินประกอบอาชีพก็ฝืดเคือง จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปค้าขายเร่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ และมีพรรคพวกชวนกันไปค้าขายยังต่างถิ่น และเป็นผู้คุมลูกหาบ รับจ้างคุมกองเกวียนรอนแรมไปยังต่างจังหวัด ไปบางหมู่บ้านก็พักอยู่เป็นแรมเดือนก็มี แต่ท่านเองก็ชอบเรียนรู้ ศึกษาหาความรู้เล่าเรียนทางวิชาอาคมศิลป์ศาสตร์ เวทมนต์คาถา และได้พาพรรคพวกเดินทางไปค้าขายจนถึงเมืองจันทะบูรณ์ (จังหวัดจันทบุรีในปัจจุบัน) ในขณะนั้นก็ได้พาพรรคพวกไปค้าขายที่บ่อไพลิน ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการขุดเพชรพลอย และขุดทอง ท่านมีความเด็ดเดี่ยวสามารถคุมลูกน้องได้ ๒๐-๓๐ คน จนสถาปนาตนเองเป็นผู้คุมกองคาราวานลูกหาบและกองเกวียนได้ ตามภาษาพื้นเมืองเขาเรียกว่า ตังเคามาว เป็นภามาเขมร เรียกอีกนัยหนึ่งว่า นายฮ้อย เป็นที่เลื่องลือพอประมาณ ถ้าค้าขายได้กำไรหรือได้สิ่งของจากคนร่ำรวยก็จะแบ่งปันให้คนที่ยากจน ผู้เขียนได้สืบเสาะประวัติหลวงปู่มานฯ มาจากคนเฒ่าคนแก่ผู้รู้ทั้งหลาย และอีกส่วนหนึ่งได้รับความรู้ประวัติจากพี่ปริม หาญชัย ซึ่งเป็นหลานของท่านเอง ในสมัยก่อนโน้นท่านได้พาพรรคพวกทำมาค้าขายในเขตบ่อไพลิน ร่นลงมาเมืองจันทบุรี ฉะเชิงเทรา และมาจนถึงเขตหนองจอก เขตมิ่นบุรี วนเวียนค้าขายอยู่ในภูมิประเทศส่วนนี้ เมื่อท่านอายุย่างเข้า ๓๐ ปีเศษ เบญจเพสมากแล้ว และในขณะนั้นได้มีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนให้อาศัยพักพิงอยู่ด้วยและให้ทำอาชีพน้ำตาลตะโหนด น้ำตาลมะพร้าว ขายชั่วระยะหนึ่งก็เบื่อหน่าย ชีวิตที่ต้องระเหเร่ร่อนมานานจึงได้สละเพศฆราวาสเข้าบรรพชา อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ที่วัดลำต้อยติ่ง เขตหนองจอกมินบุรี ชานเมืองกรุงเทพมหานคร จำพรรษาอยู่ได้ประมาณ ๖ พรรษา หลังออกพรรษาแล้วท่านก็ได้ออกธุคงค์ไปยังที่ต่าง ๆ จึงได้จาริกเดินทางมาเป็นแรมเดือน หวนกลับมาถึงบ้านเกิด และได้จำวัดอยู่ที่วัดทุ่งสว่างแห่งนี้ ท่านก็ได้พบกับคุณแม่พร้อมกับน้อง ๆ ที่เป็นผู้หญิงทั้งสองคน ส่วนคุณพ่อและน้องที่เป็นผู้ชายทั้งสองคน ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว ท่านอยู่มาพอข้ามปีเศษคุณแม่ของท่านก็ถึงแก่กรรมท่านก็จัดการทำบุญศพให้เป็นที่เรียบร้อย ในขณะนั้นมี พระอธิการเพชร อ่อนทรวง เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งสว่าง ได้ลาสิกขาบท หลวงปู่มาน ชุติโม ก็ได้ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส ท่านก็ได้จัดการพัฒนาวัด เช่น งานศาสนศึกษา งานสาธารณูปการ งานปกครอง ดูแลพระภิกษุสามเณรในวัด โดยมีระเบียบการปกครองวัด เมื่อหลวงปู่มานฯ ได้ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสครบ ๕ พรรษาแล้ว จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำเหน่งเป็นพระอธิการมาน ชุติโม เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งสว่าง และต่อมาก็ให้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลเมือง ท่านได้ทำหน้าที่เจ้าคณะตำบลเมืองอยู่ได้ไม่นานก็ลาออก เนื่องจากท่านอายุมากแล้วประกอบกับมีโรคประจำตัว และได้เสนอให้พระภิกษุเขมา เขมิโก ซึ่งเป็นพระลูกศิษย์ของท่านที่มีพรรษามาก ทำหน้าที่เป็นเจ้าคณะตำบลเมืองต่อจากท่าน และเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมที่สำนักวัดทุ่งสว่าง ส่วนท่านมีโรคประจำตัวคือโรคไส้เลื่อน ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดศรีสะเกษแพทย์ได้ทำการผ่าตัดรักษาจนหายจึงได้กลับวัด
อนึ่งในระยะที่ท่านปกครองวัด ปกครองคณะสงฆ์ในเขตตำบลเมือง ท่านได้สร้างสาธารณูปการและพัฒนาวัด ดังนี้ สร้างภุฏิแฝดสามหลัง มุงด้วยกระเบื้องไม้ สร้างกุฏิไม้มุงด้วยหญ้าคา ๑ หลัง สร้างศาลา หอฉันมุงด้วยหญ้าคา ๑ หลัง สร้างยุ้งข้าวมุงด้วยกระเบื้องไม้ ๑ หลัง สร้างที่พักแม่ชีมุงด้วยกระเบื้องไม้ ๑ หลัง สร้างอุโบสถมุงด้วยกระเบื้องไม้ ๑ หลัง ในช่วงหลังมุงด้วยกระเบื้องปูนซิเมนต์ สร้างศาลาการเปรียญมุงด้วยหญ้าคา ๑ หลัง สร้างกุฏิมุงด้วยกระเบื้องปูนซิเมนต์ ๑ หลัง ขุดบ่อน้ำตื้น ๑ หลัง ขุดสระน้ำ กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๒ เมตร ๑ แห่ง สร้างรั้วในเขตปริมณฑลบริเวณวัด ได้ส่งพระภิกษุสามเณรไปศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่อำเภอกันทรลักษ์ และที่จังหวัดศรีสะเกษ
เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๐ ตำบลชำซึ่งมี ๔ หมู่บ้าน บ้านแจงแมงและบ้านชำ มีประชากรเพิ่มขึ้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยประชาชนได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ได้นิมนต์หลวงปู่มานฯ ไปร่วมประชุมปรึกษาด้วย โดยชาวบ้านมีความประสงค์ต้องการสร้างที่พักสงฆ์ขึ้นที่บ้านแจงแมง หลวงปู่มานฯ จึงได้จัดให้พระทวน.. ไปอยู่เป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์ที่พักสงฆ์บ้านแจงแมงก็ได้รับวิสุงคามสีมาเป็นวัดโดยสมบูรณ์ และให้ชื่อวัดว่า “วัดญาณสามัดคี” ส่วนวัดทุ่งสว่างซึ่งมีบ้านทุ่งใหญ่เป็นหลัก ตำบลเมืองประกอบด้วย ๘ หมู่บ้าน บ้านโคกเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรมาก คณะกรรมการและทายกทายิกาได้ประชุมปรึกษาหารือกัน มีความต้องการอยากจะมีที่พักสงฆ์หรือมีวัดขึ้น จึงได้นิมนต์หลวงปู่มานฯ ไปประชุมปรึกษาหารือเพื่อสร้างที่พักสงฆ์ จึงมีชาวบ้านบริจาคที่ดินให้สร้างที่พักสงฆ์ ดังนั้นหลวงปู่มานฯ จึงได้จัดให้พระภิกษุแนมไปเป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์ ได้ขอวิสุงคามสีมาสถาปนาเป็นวัดให้ชื่อว่า “วัดอินทาราม” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
หลวงปู่มานฯ ท่านเปรียบเสมือนแพทย์หมอโบราณ เมื่อมีญาติโยมเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าท่านรู้ท่านก็จะพาพระภิกษุสามเณรไปด้วย เพื่อไปเยี่ยมอาการป่วยของญาติโยม พร้อมกับถุงยาชุดสมุนไพรของท่าน ท่านจะจัดยาให้ตามอาการของโรค เมื่อถึงวันเข้าพรรษา หลวงปู่มานฯ ท่านก็จะจัดให้พระภิกษุสามเณร ออกไปโปรดสัตว์ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทั้ง ๘ หมู่บ้าน บางโอกาสหลวงปู่มานฯ ท่านก็จะขี่เกวียนไปโปรดให้ญาติโยมได้ทำบุญ ให้กำลังใจโดยการรดน้ำมนต์ให้ด้วย ญาติโยมทุกหมู่บ้าน ตลอดจนหมู่บ้านตำบลอื่น ๆ ได้รู้กิตติศัพท์ของท่าน จึงมีญาติโยมให้ลูกหลานมาบวช เพื่อศึกษาเล่าเรียนกับท่านเป็นจำนวนมาก และให้ความเคารพ เลื่อมใสศรัทธาท่านเป็นอย่างดี
ในบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่มานฯ ท่านได้รับพระราชทาน สัญญาบัตรพัดยศสมณศักดิ์เป็น “พระครูสุเขตวุฒาจารย์” องค์แรกในวัดทุ่งสว่าง ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ท่านดำรงค์ตำแหน่งอยู่ได้ไม่นาน ท่านก็มรณะภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ สิริรวมอายุได้ ๙๖ ปี ๖๐ พรรษา

การบริหารและการปกครอง
ลำดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้
๑. พระแย้ม ญาณวโร เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๒. พระอธิการจาบ จนฺทาโภ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๓. พระแมง มหาปุญโญ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๔. พระอธิการเนตร นิปโก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๕. พระอธิการโม มงฺคโล ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๖. พระดก ฐิตธมฺโม เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๗. พระอธิการโอง อรุโณ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๘. พระอธิการแชด โชติโก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๙. พระอธิการโกง กลฺยาโณ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๐. พระอธิการนาค นนฺทโก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๑. พะอธิการดี ฐิติโก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๒. พระอธิการ โสสญฺญโม ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๓. พระอธิการสาตร์ สาทโร ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๔. พระอธิการกรึม กิตฺติโก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๕. พระอธิการโคน กตสาโร ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๖. พระอธิการเพชร พยตฺโต ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๗. พระครูสุเขตวุฒฒาจารย์ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๘. พระอธิการเขมา ขนฺติโก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๑๙. พระสุวร สมาจาโร เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๒๐. พระทองศูนย์ ศรีสุข เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๒๑. พระอธิการเสน สุปญฺโญ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๒๒. พระอธิการนัด ฐานิสฺสโร ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๒๓. พระอธิการอุบล อนุตฺตโร ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๒๔. พระสมุห์สวัสดิ์ มุนินโท ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๒๕. พระอธิการส็อม สิริธมฺโม ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๒๖. พระทองรัก อธิปญฺโญ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๒๗. พระก้อน เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๒๘. พระสุรชัย เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๒๙. พระอธิการทิน กิตฺติวุฒิโฒ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
๓๐. พระสุพรรณ สุชาโต เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
๓๑. พระครูกิตติพลาธร,ดร (กลัด กิตฺติธโร)
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ถึงปัจจุบัน
๓๒. พระอมรศักดิ์ กิตฺติทนฺโต (อมรศักดิ์ อ่อนทรวง)
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงปัจจุบัน

ประวัติพระครูกิตติพลาธร กิตฺติธโร
สมณศักดิ์ที่รับพระราชทาน
- ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ชั้นสมณศักดิ์ จต.ชท. ราชทินนาม พระครูกิตติพลาธร พัดยศ เจ้าคณะตำบล ลำดับชั้นโท – ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ชั้นสมณศักดิ์ จต.ชอ. ราชทินนาม พระครูกิตติพลาธร พัดยศ เจ้าคณะตำบล ลำดับชั้นเอก ประวัติฐานานุกรมที่ได้รับ
- ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ตำแหน่งฐานานุกรม พระครูใบฎีกา ฐานานุกรมใน พระราชวรรณวที
ประวัติเดิมก่อนอุปสมบท
ชื่อ(เดิม) กลัด นามสกุล (เดิม) จันทะมั่น
เกิดวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๕
บิดา นายป๊วน จันทะมั่น มารดา นางคาร จันทะมั่น
ที่อยู่เลขที่ ๑๕๐/๑ หมู่ที่ ๔ ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
การบรรพชาอุปสมบท
การอุปสมบท
อุปสมบทวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ วัดที่วัดโพธิ์วงศ์
พระอุปัชฌาย์ พระครูวิภัชธรรมคุณ วัดอรุณสว่าง
พระกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการทรัพย์
พระอนุสาวนาจารย์ พระอธิการบุญถึง ญาณทีโป
วิทยฐานะ - ปีการศึกษา ๒๕๑๒ จบระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ โรงเรียนสตีสิริเกศ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
- ปีการศึกษา ๒๕๑๓ จบนักธรรมเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดศรีสะเกษ วัดกระมัล
- ปีการศึกษา ๒๕๑๔ จบระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนวัดสิตาราม ตำบลแขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จังหวัดกรุงเทพมหานคร
- ปีการศึกษา ๒๕๓๘ จบเปรียญธรรมประโยค ๑-๒ สำนักเรียน คณะจังหวัดนนทบุรี
- จบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปลาย (ป.บส.) ประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ วิทยาลัยสงฆ์ศรีสะเกษ (มจร.) ตำบลน้ำคำ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
- ปีการศึกษา ๒๕๕๖ จบระดับปริญญาตรี วิทยาลัยสงฆ์ศรีสะเกษ (มจร.) สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ตำบลน้ำคำอำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
- ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ จลระดับปริญญาโท มจร.วิทยาเขตอุบลราชธานี สาขาวิชา พระพุทธศาสนา ตำบลกระโสบ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
- ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ จบระดับปริญญาเอก มจร.วิทยาเขตขอนแก่น สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
- ตำแหน่ง
- ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดทุ่งสว่าง ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
- ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึง ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ดำรงตำแหน่ง จต.เมือง – ทุ่งใหญ่ ลำดับชั้นโท ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
- ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึง ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นครูสอนศีลธรรม (พระสอนศีลธรรมในโรงเรียน)
- ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึง ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ดำรงตำแหน่ง จต.ทุ่งใหญ่ ลำดับชั้นเอก ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
- ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ดำรงตำแหน่ง ทป.จต.ทุ่งใหญ่ ลำดับชั้นเอก ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ




