เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ พระใบฎีกาจำปี  ปญฺญาธโร  เจ้าอาวาสวัดวังปลัดสามัคคี  ได้มีโครงการทำโซฟาไม้เพื่อใช้ในงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต ในวันที่ ๑๑ – ๑๕ เมษายน ๒๕๕๑  จึงได้เข้าไปขอตอไม้จากนางเดือนเพ็ญ  คำดี  (อยู่ที่หมู่บ้านร้าง) อยู่ทิศตะวันออกของหมู่บ้านวังปลัด ประมาณ ๕๐๐ เมตร  และในวันที่  ๑๓  มิถุนายน  ๒๕๕๐  พระใบฎีกาจำปี  ปญฺญาธโร  จึงได้นำคนงานไปดำเนินการขุดแต่เช้าจนบ่ายจึงแล้วเสร็จ เมื่อเจ้าอาวาสได้เดินทางเข้าไปดูรากไม้ จึงเห็นลักษณะพิเศษของรากไม้ประดู่นี้ ที่มีลักษณะคล้ายคลังกับ “พญานาค”  ดังนั้น จึงได้นำกลับไปที่วัดโดยใช้คน จำนวน ๘ คนแบก/หาม  เมื่อแห่เข้ามาภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านทั้งหลายได้เห็นจึงเกิดความศรัทธา จึงได้จัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ เพราะเชื่อว่าเป็นพญานาคจริง

                   เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๐ ชาวบ้านวังปลัด – สวาท  จึงได้ไปเชิญร่างทรงมาทำการเข้าทรงดู จึงทราบว่า พญานาคตนนี้ชื่อว่า นาคีทอง  (ดวงวิญญาณที่สิงสถิตย์) ได้ขึ้นมาจากเมืองบาดาล กับพี่น้อง ๖ คน  พี่คนที่ ๑ และที่ ๒ อยู่ที่เมืองวียงจันทร์ ประเทศลาว นาคีทอง เป็นน้องคนที่ ๓ ส่วนน้องคนที่ ๔ อยู่ที่ต้นตะเคียน บ้านทัพทัน และน้องอีก ๒ คน ได้เดินทางกลับไปที่เมืองบาดาล พญานาคนาคีทอง มีบิดาชื่อว่า “นาโค”  มีมารดาชื่อว่า “เนตรนารี” สาเหตุที่ได้มาสิงสถิตอยู่ที่ รากไม้พญานาคนี้ ก็เพราะว่า ได้ยินเสียงประกาศโฆษณาของทางวัดวังปลัดสามัคคีว่า “ในช่วงสงกรานต์ปีหน้า ทางวัดจะมีการทำบุญงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต  จึงได้ขึ้นมาเพื่อร่วมงานบุญในครั้งนี้” และได้ให้ชาวบ้านไปอัญเชิญดวงวิญญาณที่อยู่ในหมู่บ้านร้างมา แล้วได้ดำเนินการหาช่างทำปาก หู จมูก ให้ด้วย เพราะไม่มีปากพูด จึงไม่สามารถพูดสื่อสารได้ แล้วเจ้าอาวาสจึงได้ติดต่อให้ช่างวิรัน  อุปชัย  จากจังหวัดยโสธร  มาทำการแกะสลักรูปเหมือนให้มีศีรษะเหมือนพญานาค เมื่อวันที่ ๑๕- ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๐  เมื่อประชาชนทั้งหลายได้มาพบเห็น จึงลงความเห็นว่าเป็น “พญานาครากไม้ประดู่” ยาวที่สุดในโลก โดยความยาวถึง ๑๘.๓๐ เมตร (๓๖ ศอก ๓๐ เซ็นต์)