พระธาตุบุรีรัมย์

พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์

วัดกลันทาราม

พระอธิการสวิง อุตฺตโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

วัดกลันทาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลกลันทา อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีประวัติความเป็นมาในการก่อตั้งวัด ตั้งแต่เมื่อมีประชาชนอพยพมาอาศัยอยู่มากขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน ได้มีชาวบ้านผู้ศรัทธาคือ พ่อใหญ่ทา คำเกิด พ่อใหญ่ริน กระแสโสม และ ตาอัก ชาวกลันทา ได้บริจาคที่ดินรวม 15 ไร่ เพื่อสร้างวัดกลันทารามให้เป็น ศูนย์ศรัทธารวมใจของชาวบ้าน เริ่มสร้างวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2496

                เจ้าอาวาสวัดรูปก่อนๆ ได้นำศรัทธาชาวบ้านดูแลรักษาพัฒนาวัดมาโดยลำดับมาถึงพระอธิการสวิง อตฺตโม เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านได้เร่งพัฒนาวัดในปี พ.ศ. 2542 พระครูปริยัติโพธิวิเทศ(ดร.พระมหาคมสรณ์คุตฺตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดไทยเชตะวันมหาวิหารนครสาวัตถี สาธารณรัฐอินเดีย ท่านเป็นพระธรรมทูตสายอินเดีย – เนปาล และเป็นลูกหลานชาวกลันทา ได้นำศรัทธาญาติโยมสายบุญพุทธภูมิ มาทำบุญทอดกฐินประจำทุกปีดำเนินช่วยพัฒนาวัดด้านต่างๆ จนมีถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างเช่น โบสถ์ ศาลาเอนกประสงค์ เมรุ กุฏิสงฆ์ ห้องน้ำ ห้องสุขา เป็นต้น

                ปัจจุบันวัดกลันทารามได้สร้างวิหารพร้อม อัญเชิญพระองค์ดำที่สร้างด้วยหินดำเมืองนาลันทา ประเทศอินเดีย มาประดิษฐานให้กราบบูชาสักการะที่วัดโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงอินเดียแล้ว และทุกวันนี้ได้มีพุทธศาสนิกชนผู้ทราบข่าวได้เดินทางมาสักการะ เป็นจำนวนมาก และได้เริ่มการก่อสร้างพระธาตุบุรีรัมย์ พุทธองค์ดำมหาเจดีย์เพื่อให้เป็นพระธาตุเจดีย์ที่สำคัญของจังหวัดเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจาก 9 ประเทศ พระธาตุบุรีรัมย์ฯ นี้ประกอบด้วยพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559 โดย พล.อ. สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี พิธีเทเสาเอกวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 โดย นายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รองผู้ว่าฯ

ประเพณี กิจกรรม สำคัญประจำวัด

                เทศกาลบูชาทาน้ำมัน พระพุทธองค์ดำ ทุกๆ วันที่ 9 – 15 เมษายน ของทุกปี

ทำเนียบเจ้าอาวาส

  1. พระอาจารย์หยีง
  2. พระอาจารย์แปลก
  3. พระอาจารย์เล ฐานะจาโร
  4. หลวงพ่อสี
  5. หลวงพ่อปรั่น
  6. พระอธิการสุนทร อคฺควรฺโณ
  7. พระอธิการสวิง อุตฺตโม

ประวัติหลวงพ่อพระพุทธองค์ดำ

                ความเป็นมา หลวงพ่อพระพุทธองค์จากบันทึกของ ปิลาซิง นักโบราณคดีอินเดียทำให้เราได้ทราบว่า พระพุทธรูปพระพุทธเจ้าองค์ดำนี้ สร้างเท่อสมัย พระเจ้าเทวาปาล คือ ระหว่าง พ.ศ.1353 – 1393 และถ้าหากท่านทราบประวัติความเป็นมามากกว่านี้ ท่านจะรู้สึกศรัทธาและประหลาดใจเป็นแน่ เพราะเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้น ที่เหลือจากการทำลายของคนศาสนาอื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ กล่าวคือ เมื่อ พ.ศ. 1766 ชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งได้ใช้วิธีเผยแผ่ศาสนาโดยใช้กำลังอาวุธ ถ้าใครไม่นับถือศาสนาของตนจะต้องถูกทำร้าย โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ถือว่าเป็นศัตรูตัวสำคัญ จะต้องถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือทรัพย์สมบัติในพระพุทธศาสนา จนกระทั่งเข้ายึดครองดินแดนชมพูทวีปฝ่ายเหนือได้ทั้งหมด ด้วยการใช้กำลังอำนาจเข้าห้ำหั่น ฆ่าฟัน ข่มเหง และยำยีด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ซึ่งมี อิคเทียร์ซิลจิ เป็นหัวหน้า พาสมัครพรรคพวก ออาวุธเข้าห้ำหั่นชาวพุทธ ทุบทำลายเผาตำราสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก จาการบันทึกของท่านตารนาท ธรรมสวามิน นักปราชญ์เขียนเอาไว้ พอกองทัพมุสลิมยกทัพกลับไปแล้ว พระ นักศึกษา และพระอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเหลือรอดชีวิตประมาณ 70 รูป จากจำนวนนับหมื่นรูปก็พากันออกมาจากที่ซ่อน ทำการสำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่ รวบรวมเท่าที่จะหาได้ปฏิสังขรณ์ตัดทอนกันเข้า ก็พอได้ใช้สอยกันต่อมา และท่านมุทิตาภัทร รัฐมนตรีของกษัตริย์ในสมัยนั้น ได้จัดทุนทรัพย์จำนวนหนึ่งส่งไปจากแคว้นมคธ เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่นาลันทาขึ้นมาใหม่แต่ก็ทำได้บางส่วนเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่ง ได้มีชูชก 2 คน เข้ามาวางอำนาจ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลทางศาสนา จนกระทั่ง 12 ปีผ่านไป 2 ชูชกก็วางตนเขื่องอยู่ มาถึงคราวหนึ่ง ทั้ง 2 ชูชกได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาขึ้นและคงคิดว่าเพียงพอแล้วที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปจึงได้รวบรวมเศษไม้ แล้วก่อไฟขึ้น พร้อมทั้งขว้างปาดุ้นฟืนที่ติดไฟไปตามสถานที่ต่าง ๆ โดยรอบ จนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้ไปทั่ว มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาอันเลื่องชื่อลือนามก็เป็นอันสิ้นสุดลง ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่ามาตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งชาวอังกฤษเข้ายึดครองอินเดีย ได้มีนักโบราณคดีชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อท่านนายพล เซอร์อเล็กซานเดอร์คันนิงแฮม หรือที่ชาวไทยเรียกท่านว่า ท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ได้อ่านบันทึกของ พระถังซัมจั๋งซึ่งเป็นพระจีนที่เคยเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาถึง 14 ปี ได้บันทึกเหตุการณ์ และสถานที่สำคัญต่างๆเอาไว้อย่างละเอียด เมื่อท่านเซอร์คันนิ่งแฮมได้อ่านดูแล้ว จึ้งได้มอบหมายให้ เอ.เอ็ม.พรอดเล่ย์ และดร.สปูนเนอร์ ผู้ช่วยเข้าไปค้นหาปูชนียวัตถุ ตามที่บันทึกนั้น ก็ปรากฏว่าได้พระพุทธรูปมากมายหลายองค์ ส่วนมากจะเสียหายหักบิ่นจาการถูกทำลายของมุสลิมดังกล่าว จึงส่งเข้าไปรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประเทศอังกฤษ ส่วนพระพุทธรูป หลวงพ่อพระพุทธรูปองค์ดำนั้น ไม่ทราบว่า เป็นเพราะเหตุใดจึงไม่ถูกส่งไปอังกฤษด้วย และเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่ยังคงความสมบูรณ์ที่สุด

                สรุปแล้วก็คือ พระพุทธรูปองค์ดำ นั้นเป็นพระพุทธรูปองค์ที่มีองค์สมบูรณ์เหลือรอดจาการถูกทำลายของมุสลิม และไม่ถูกอังกฤษยึดไปหากมองจากภาพทั่ว ๆ ไปแล้วพระพุทธรูปองค์ดำนี้มีขนาดใหญ่และประดิษฐานตั้งไว้บนฐานที่มั่นคงยากลำบากต่อการเคลื่อนย้ายแต่ตามคำบอกเล่าทราบว่า ในกาลภายหลังทางรัฐบาลอินเดียพยายามที่จะย้ายท่านไปเก็บรักษาไว้ภายใยพิพิธภัณฑ์เมืองนาลันทาซึ่งเก็บรวบรวมหลักฐานพระพุทธรูปต่าง ๆ ที่ค้นพบในบริเวณนาลันทา และกรุงราชคฤห์ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายมักเกดเหตุอาเพศที่ไม่คาดฝันเสมอ เช่น ฝนตกอย่างหนักเกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรงเป็นต้น เป็นเหตุให้การโยกย้ายองค์พระไม่สำเร็จได้ และชาวบ้านก็มาดูแลรักษาหลวงพ่อองค์ดำไว้ เรียกนามว่า “เตลิย่าบาบา” แปลว่า หลวงพ่อน้ำมัน เพราะบางวันจะมีน้ำมันไหลออกมาจากองค์ท่าน เวลาชาวบ้านเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาก็จะนำน้ำมัน มาลูบองค์พระแล้วอธิษฐานขอให้หลวงพ่อองค์ดำ รักษาโรคต่าง ๆ ก็เป็นมหัสจรรย์ว่า โรคต่าง ๆ ได้ถูกรักษาด้วยพลังความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระ

                จนถึงปัจจุบัน ชาวพุทธผู้แสวงบุญชาวไทยต่างก็เดินทางไปสักการะและอธิษฐานขอพรจากหลวงพ่อองค์ดำท่าน ก็สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ก็หายได้ นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่งนัก หากมีโอกาสก็อย่าลืมไปสักการะหลวงพ่อพุทธองค์ดำปฐมได้ที่นาลันทารัฐพิหาร ประเทศอินเดีย

แนวความคิดในการสร้าง “พระธาตุบุรีรัมย์พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์”

  1. เป็นแผ่นดินมาตุภูมิบ้านเกิด วัดกลันทารวม จังหวัดบุรีรัมย์ มีชื่อคล้ายเมืองนาลันทาอินเดีย บ้านเกิดพระสารีบุตร อัครสาวก ที่ประดิษฐานพระพุทธองค์ดำ จนมีแนวคิดจะมีการเปลี่ยนจากชื่อ “วัดกลันทาราม” เป็น “วัดนาลันทา” ในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับวัดที่ประดิษฐานพระพุทธองค์ดำ
  2. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้ไม่มีโอกาสไปไหว้พระพุทธองค์ดำที่นาลันทา ประเทศอินเดียได้มากกราบไหว้สักการะได้ที่วัดกลันทารามเมืองไทยเรา
  3. เพื่อสร้างสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเป็นพุทธสถาน รวมสถานที่สำคัญจากพุทธภูมิ ให้เป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธา ควรบูชาสักการะที่สำคัญประจำจังหวัดบุรีรัมย์
  4. เมื่อพระธาตุบุรีรัมย์พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์สร้างสำเร็จ จะเป็นแหลง่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอันจักนำความเจริญด้านอื่น ๆ ตามมาโดยลำดับ
  5. จักขยายผลพุฒนาด้านการศึกษาพระพุทธศาสนาที่สำคัญดุจนาลันทามหาวิทยาลัยสงฆ์ในอดีตที่เคยเจริญรุ่งเรือง

ผลที่จะได้รับคือ 1.จังหวัดบุรีรัมย์จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พุทธสถานจากพุทธภูมิที่สำคัญของจังหวัด 2.วัดกลันนาทาราม จะเปลี่ยนเป็นชื่อวัดนาลันทา ตรงกับพุทธสถานและพุทธประวัติที่อินเดีย ชาวพุทธจักได้ศึกษาพุทธสังเวชนียสถานที่จำลองจากอินเดีย ณ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ 3. หมู่บ้านกลันทา และหมู่บ้านใกล้เคียงจักได้รับอานิสงส์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ชีวิต และพัฒนาท้องถิ่นด้านอื่น ๆ 4. เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาบุรีรัมย์ได้ชมปราสาทหินเขาพนมรุ่ง,แข่งรถ,ฟุตบอล ยังได้มาบูชาสักการะพระพุทธองค์ดำจากอินเดีย ที่วักลันทารามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวจังหวัด

        บัดนี้พระพุทธองค์ดำ สลักหินดำอินเดียจากนาลันทา บ้านเกิดพระอัครสาวก พระสารีบุตร และพระโมคคัลลนะ ในแดนพุทธภูมิได้มาสู่บุรีรัมย์แล้ว ขอเชิญไปกราบบูชาสักการะได้ตามศรัทธา และวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างพระธาตุบุรีรัมย์พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์ บนพื้นที่ 25 ไร่ พร้อมเตรียมดำเนินการสร้างเวชนียสถานจำลอง 4 ตำบล และเจดีย์ประจำวันเกิด จักเป็นบุญเขตที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของบุรีรัมย์ ในเวลาอันใกล้นี้

แนวความคิดในการสร้าง “พระธาตุบุรีรัมย์พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์”

  1. เป็นแผ่นดินมาตุภูมิบ้านเกิด วัดกลันทาราม จังหวัดบุรีรัมย์ มีชื่อคล้ายเมืองนาลันทาอินเดีย บ้านเกิดพระสารีบุตร อัครสาวก ที่ประดิษฐานพระพุทธองค์ดำ จนมีแนวคิดจะมีการเปลี่ยนจากชื่อ “วัดกลันทาราม” เป็น “วัดนาลันทา” ในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับวัดที่ประดิษฐานพระพุทธองค์ดำ
  2. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้ไม่มีโอกาสไปไหว้พระพุทธองค์ดำที่นาลันทา ประเทศอินเดียได้มากราบสักการะได้ที่วัดกลันทารามเมืองไทยเรา
  3. เพื่อสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเป็นพุทธสถาน รวมสถานที่สำคัญจากพุทธภูมิ ให้เป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธา ควรมาบูชาสักการะที่สำคัญประจำจังหวัดบุรีรัมย์
  4. เมื่อพระธาตุบุรีรัมย์พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์สร้างสำเร็จ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทองวัฒนธรรมที่สำคัญอันจักนำความเจริญด้านอื่นๆ ตามมาโดยลำดับ
  5. จักขยายผลพัฒนาด้านการศึกษาพระสงฆ์ให้วัดเป็นแหล่งศึกษาพระพุทธศาสนาที่สำคัญดุจนาลันทามหาวิทยาลัยสงฆ์ในอดีตที่เคยเจริญรุ่งเรือง

ผลที่ได้รับ คือ

  1. จังหวัดบุรีรัมย์จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พุทธสถานจากพุทธภูมิที่สำคัญของจังหวัด
  2. วัดกลันทาราม จะเปลี่ยนเป็นชื่อวัดนาลันทา ตรงกับพุทธสถานและพุทธประวัติที่อินเดีย ชาวพุทธจักได้ศึกษาพุทธประวัติที่อินเดีย ชาวพุทธจักได้ศึกษาพุทธสังเวชนียสถานที่จำลองจากอินเดีย ณ ที่จังหวัดบุรีรัมย์
  3. หมู่บ้านกลันทา และ หมู่บ้านใกล้เคียงจักได้รับอานิสงส์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ชีวิต และพัฒนาท้องถิ่นด้านอื่นๆ
  4. เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาบุรีรัมย์ได้ชมปราสาทหินเขาพนมรุ้ง,แข่งรถ,ฟุตบอล ยังได้มาบูชาสักการะพระพุทธองค์ดำจากอินเดีย ที่วัดกลันทารามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวจังหวัด

บัดนี้พระพุทธองค์ดำ สลักหินดำอินเดียจากนาลันทา บ้านเกิดพระอัครสาวก พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลนะ ในแดนพุทธภูมิได้มาสู่บุรีรัมย์แล้ว ขอเชิญไปกราบบูชาสักการะได้ตามศรัทธา และวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างพระธาตุบุรีรัมย์พระพุทธองค์ดำมหาเจดีย์ บนพื้นที่ 25 ไร่ พร้อมเตรียมดำเนินการสร้างสังเวชนียสถานจำลอง 4 ตำบล และ เจดีย์ประจำวันเกิด จักเป็นบุญเขตที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของบุรีรัมย์ ในเวลาอันไกล้นี้

“พระธาตุบุรีรัมย์พุทธองค์ดำมหาเจดีย์”

วัดกลันทา ตำบลกลันทา อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ กำลังดำเนินการก่อสร้าง ขอเชิญมาร่วมบุญใหญ่สร้างพระธาตุอีกแห่งให้ปรากฏ ณ จังหวัดบุรีรัมย์ แผ่นดินไทยแผ่นดินธรรมกันเถิด

อธิษฐานบุญที่สำเร็จสมปรารถนาโอนทรัพย์ร่วมบุญนี้ได้ที่

บัญชี วัดกลันทาราม ธนาคารกรุพเทพ สาขาบุรีรัมย์ เลขที่ 297-4-61269-5

ขออนุโมทนาทุกส่วนแห่งบุญทุกๆ ท่านด้วยความยินดียิ่ง

☎08-9286-2181,08-3371-7694