

อุโบสถ
วัดพระบรมธาตุ

พระประธานประจำอุโบสถ
วัดพระบรมธาตุ


ประวัติวัดพระบรมธาตุ
วัดพระบรมธาตุ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๘ บ้านคำนามูล ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ ๖ ไร่ ๒ งาน ๑๐ ตารางวา ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องตั้งวัดในพระพุทธศาสนา วันที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๖ พระครูไพโรจน์ ปรีชากร เป็นเจ้าอาวาส รูปแรกและเป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดนี้
หลังจากได้สร้างศาลหลักเมือง และเจดีย์พระบรมธาตุตระการพืชผลบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จแล้ว นายบุญตา หาญวงค์ นายอำเภอตระการพืชผล ได้ประชุมปรึกษาหารือคณะข้าราชการพ่อค้าประชาชนชาวอำเภอตระการพืชผล โดยมี หลวงปู่พระครูปุญญสารวิสุทธิ์ (พระมงคลบุญสาร) (บุญ ปุญญกโร) เจ้าคณะอำเภอตระการพืชผลสมัยนั้น เป็นประธาน หลวงปู่พระครูพนาพินันท์ (ลี อุตฺตโร) วัดเอี่ยมวนาราม ตำบลคำเจริญ เป็นรองประธาน พร้อมทั้งพระเถรานุเถระพระสังฆาธิการในเขตอำเภอด้วย ได้พร้อมกันสร้างที่พักสงฆ์ขึ้นบริเวณพระบรมธาตุตระการพืชผล โดยมีคุณยายคำมี ภักดีไทย ซื้อที่ดินบริจาคจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นป่าช้าบ้านขุหลุ ในเดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐ จึงได้เชิญชวนหาเจ้าภาพสร้างกุฏิกัมมัฏฐาน จำนวน ๕ หลัง ผู้ที่เป็นเจ้าภาพกุฏิสงฆ์มีดังนี้
๑. หลวงปู่พระครูปุญญสารวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล วัดศรีโพธิ์ชัย ๑ หลัง
๒. หลวงปู่พระครูพิศาลสังฆกิจ (โทน กนุตสีโล) เจ้าคณะตำบลสะพือ ๑ หลัง
๓. หลวงปู่พระครูสุนทรวิริยกิจ (ชู) เจ้าคณะตำบลโคกจาน ๑ หลัง
๔. นายประสาร วงค์ชาลี บ้านขุหลุ ๑ หลัง
๕. คุณยายคำมี ภักดีไทย บ้านขุหลุ ๑ หลัง
ในพรรษา พ.ศ. ๒๕๒๐ ชาวบ้านขุหลุจึงได้ไปนิมนต์ หลวงพ่อพระครูไพโรจน์ปรีชากร รองเจ้าคณะอำเภอตระการพืชผลสมัยนั้น วัดอุตตมผลาราม ตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล มาอยู่จำพรรษาพร้อมพระภิกษุติดตามอีก ๔ รูป สาเหตุที่พักสงฆ์วัดพระบรมธาตุมีสภาพเป็นที่พักสงฆ์มานานปีเพราะเนื้อที่จะขอสร้างวัดไม่ถึง ๖ ไร่ จึงขออนุญาตสร้างวัด ตั้งวัดไม่ได้ ครั้นต่อมามีผู้มีจิตศรัทธาหลายท่านด้วยกัน บริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก และให้เจ้าหน้าที่ที่ดินออกเอกสารสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมายในนาม ๑. นางปรียาพันธ์ บุญอาจ ๒. นางสีดา สุภเสถียร ๓. นางเสี่ยมเฮียง บัวขาว ๔. นางงามปรางค์ แช่อึ้ง จึงได้ดำเนินการทำเรื่องขออนุญาตสร้างวัด ตั้งวัดตามลำดับ จึงได้รับอนุญาตให้สร้างวัดตั้งวัดโดยถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง ประกาศตั้งในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖ และให้ชื่อว่า “วัดพระบรมธาตุ” ในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๖ สมัยที่ยังไม่ได้แยกตำบลคำเจริญ ปัจจุบันนี้หมู่ที่ ๘ บ้านคำนามมูลตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล นับว่าเป็นศักดิ์ศรีแด่ชาวอำเภอตระการพืชผล ที่มีพระบรมธาตุเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั่วไป
หลวงพ่อหยกขาว
วัดพระบรมธาตุ


วิหารหลวงพ่อหยกขาว
วัดพระบรมธาตุ

หลวงพ่อทันใจ
วัดพระบรมธาตุ



พระพุทธรูป
วัดพระบรมธาตุ




ประวัติพระบรมธาตุตระการพืชผล
พระบรมธาตุตระการพืชผลเกิดขึ้นจากความริเริ่มบุคคลสองฝ่าย ฝ่ายสงฆ์ คือ หลวงปู่พระครูปุญญสารวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอตระการพืชผลสมัยนั้น ฝ่ายบ้านเมือง คือ นายบุญตาหาญวงค์ นายอำเภอตระการพืชผล ท่านมองเห็นว่าถ้ามีหลักเมือง แล้วควรมีปูชนียวัตถุคู่กัน จึงได้ปรึกษาหารือทั้งฝ่ายสงฆ์พร้อมข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนภายในเขตอำเภอตระการพืชผล ในที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์สมควรสร้างขึ้นเป็นปูชนียวัตถุในทางพุทธศาสนาโดยบริจาคเงินคนละ ๑ บาท ทั่วอำเภอตระการพืชผล และรับบริจาค จากหน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มเติมตามกำลังศรัทธา และได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๔ ปี มะเส็ง ได้ดำเนินการก่อสร้างติดด้วยพระปางประจำวันเกิดทั้ง ๗ วัน ทั่วองค์พระบรมธาตุ ได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ รับช่วงจากสนามบินอุบลราชธานี เมื่อ เวลา ๐๙.๑๙ นาที ได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นสู่ยอดพระบรมธาตุเพื่อบรรจุ โดยมีพระเทพมงคลเมธี รองเจ้าคณะภาค ๑๐ รูปที่ ๒ เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ นายบุญเหลือ แฝงเวียง ประธานฝ่ายฆราวาส มีพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาและประชาชนทั่วไปมาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ประกอบพิธีอยู่ฝนก็ตกลงมาทั้ง ๆ ที่ไม่มีเมฆเลย
พระบรมธาตุองค์นี้ตั้งอยู่บริเวณวัดพระบรมธาตุ ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ลักษณะแบบจำลองจากพุทธคยาประเทศอินเดีย ขนาดกว้าง ๖ เมตร ทั้ง ๔ ด้าน ส่วนสูง ๑๙ เมตร องค์พระบรมธาตุติดพระปางประจำวันเกิดทั้ง ๗ วัน เนื้อดินเผาเคลือบสีแดง มีกำแพงแก้วรอบนอกตลอดทั้ง ๔ ด้าน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งนายบุญตา หาญวงค์ นายอำเภอตระการพืชผลได้รับมอบจากท่านผู้ใจบุญซึ่งนำมาจากบังคลาเทศ นับเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญของชาวอำเภอตระการพืชผลและพุทธศาสนิกชนทั่วไป


วันนมัสการพระบรมธาตุตระการพืชผล ถือเอาวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนาทั้ง ๓ วัน เป็นหลักเกณฑ์คำนมัสการพระบรมธาตุตระการพืชผล
ทิศบูรพา
ปุริมายะ ทิสายะ พีชะผะละสัมปันนะนาคะเรนะ ฐาปิตัง
ปะระมะพุทธะธาตุง สิรสา นะมามิ
ทิศใต้
ทักขิณายะ ทิสายะ พีชะผะละสัมปันนะนาคะเรนะ ฐาปิตัง
ปะระมะพุทธะธาตุง สิรสา นะมามิ
ทิศตะวันตก
ปัจฉิมายะ ทิสายะ พีชะผะละสัมปันนะนาคะเรนะ ฐาปิตัง
ปะระมะพุทธะธาตุง สิรสา นะมามิ
ทิศเหนือ
อุตตรายะ ทิสายะ พีชะผะละสัมปันนะนาคะเรนะ ฐาปิตัง
ปะระมะพุทธะธาตุง สิรสา นะมามิ
ทิศเบื้องบน
อุปะริมายะ ทิสายะ พีชะผะละสัมปันนะนาคะเรนะ ฐาปิตัง
ปะระมะพุทธะธาตุง สิรสา นะมามิ
ทิศเบื้องล่าง
เหฏฐิมายะ ทิสายะ พีชะผะละสัมปันนะนาคะเรนะ ฐาปิตัง
ปะระมะพุทธะธาตุง สิรสา นะมามิ
อะหังวันทามิ ปะระมะพุทธะธาตุง สัพพทา
อะหังวันทามิ ปะระมะพุทธะธาตุง สัพพะโส
อะยัง ปะระมะพุทธะธาตุง ปูชา อัมหากัง ทีมะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
สังวัตตะตุฯ



ประวัติหลักเมือง หรือศาลเจ้าปู่ตระการพืชผล
หลักเมือง หรือ ศาลเจ้าปู่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโรงเรียนตระการพืชผล หรือตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของหมู่บ้านขุหลุ หรือ อำเภอตระการพืชผล ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ นายปิ่น มีสุข ได้สร้างโรงเรียน ตระการพืชผลขึ้น จึงได้ย้ายศาลเจ้าปู่มาอยู่นอกโรงเรียนเป็นป่าธรรมชาติ มีต้นไม้ใหญ่ชุมอยู่หลายต้น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ นายบุญตา หาญวงค์ นายอำเภอตระการพืชผล ได้นำผู้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านขุหลุ และชาวอำเภอตระการพืชผล สร้างหลักเมืองขึ้นใหม่ทำด้วยไม้ราชพฤกษ์ (ไม้คูณ) ขนาดยาวประมาณ ๙ ศอก ซึ่งอาจารย์สุวัฒน์ ฉวีรักษ์ ครูใหญ่โรงเรียนบ้านสงยาง ตำบลตระการ บริจาคให้เป็นเสาหลักเมืองทรงไม้ ๘ เหลี่ยมและลงคาถากำกับสร้างศาลทรงจตุรมุข ออกแบบโดยอาจารย์บุญหนา รูปศรีครูใหญ่โรงเรียนบ้านม่วงเดียด ตำบลคำเจริญ อำเภอตระการพืชผล เสาหลักเมืองได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๒๐ ร่วมในพิธีพุทธาภิเษกพระประธาน ณ ศาลาการเปรียญ วัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งมีอัยการ ไพบูลย์ ลีลาศ เป็นเจ้าภาพศาลหลักเมืองได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๐ มีสมเด็จพระญาณสังวร เสด็จมาเป็นประธาน ในพิธีวางศิลาฤกษ์ เวลา ๑๔.๑๕ นาที ในพิธีนี้มี อาจารย์สุพจน์ มาลาสาย ทำหน้าที่พราหมณ์ประกอบพิธีบูชาฤกษ์ และได้ประกอบพิธีบวงสรวงสังเวยอัญเชิญเจ้าปู่ชึ้นสถิตที่ศาล เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๒๐ เวลา ๐๙.๓๙ นาที โดยมีพระเทพมงคลเมธี รองเจ้าคณะภาค ๑๐ เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ นายบุญเหลือ แฝงเวียง เป็นประธานฝ่ายฆราวาสอาจารย์สุพจน์ มาลาสาย พร้อมด้วยคณะได้ประกอบ พิธีกล่าวอัญเชิญบวงสรวงสังเวย เป็นที่เคารพนับถือ แก่ชาวบ้านชาวเมืองและมีความร่มเย็นเป็นสุขจนถึงปัจจุบัน



หอไตรหนองขุหลุ
หอไตรหนองขุหลุ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๙ โดยหลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสวัดศรีโพธิ์ชัยในสมัยนั้น เป็นผู้นำการสร้าง เพื่อเป็นสถานที่เก็บพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณ ลักษณะเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง รองรับด้วยเสาไม้ ๒๕ ต้น หลังคาจั่ว มีปีกนกโดยรอบ มุงด้วยกระเบื้องดินเผา (เดิมมุงด้วยไม้แป้นเกล็ด) ส่วนประดับหลังคาตัวเหงาไม้แกะสลักรูปหน้าช่อฟ้า รวยระกา และคันทวย แกะสลักเป็นลายก้านขดโดยรอบ อาคารตีไม้เข้าลิ้นในแนวตั้งทรวดทรงอาคารแผ่กว้าง หลังคาสูงทิ้งชายคาลาดต่ำ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบพื้นบ้านที่มีความงามเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสงบนิ่งและสมดุล นอกจากความสำคัญในด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นแล้วยังนับเป็นปูชนียสถานที่เรียกว่าธรรมเจดีย์ ดังนั้นการอนุรักษ์หอไตรหนองขุหลุ จึงไม่ได้เป็นเพียงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสืบทอดพระศาสนาให้ดำรงอยู่เป็นสรณะของชาวพุทธที่ยั่งยืน สืบไป
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนกำหนดเขตพื้นที่โบราณสถานหอไตรหนองขุหลุ ในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๑๑๘ ตอนพิเศษ ๒๙ง ฉบับลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๔ พื้นที่โบราณสถานประมาณ ๓๐ ไร่ ๒ งาน ๗๖ ตารางวา (อติคุณ ตระการไทย, ๒๕๕๖)

ประวัติสังเขป
พระครูไพโรจน์ปรีชากร
(บุญเรือง ญาณจารี)
อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล
สถานะเดิม
ชื่อบุญเรือง นามสกุล สีหาพงษ์ เกิดปีฉลู วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๔๕๖ บิดาชื่อนายพา มารดาชื่อ นางหอม สีหาพงษ์ เกิด ณ บ้านเลขที่ ๑๕ หมู่ที่ ๑ บ้านเป้า ตำบลเป้า อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา เดียวกันมี
๑. นายเคนสา สีหาพงษ์
๒. นางตาล ก้อนแก้ว
๓. นางวาร สิถิรบุตร
๔. พระครูไพโรจน์ปรีชากร (บุญเรือง ญาณจารี)
๕. นายศรีเมือง สีหาพงษ์
๖. ด.ช.คำมี สีหาพงษ์
๗. นายอ่อน สีหาพงษ์
๘. นายพุฒ สีหาพงษ์
บรรพชา
ปีมะแม วันที่ ๒ เมษายน ๒๔๗๔ ณ วัดเวฬุวนาราม ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี พระครูลี วัดเวฬุวนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๓๖ ปีระกา ณ วัดเวฬุวนาราม ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี พระครูตรีรัฐมุนี วัดพระเหลาเทพนิมิตร อำเภอพนา จังหวัดอุบลราชธานี
วิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๔๖๘ สำเร็จวิชาสามัญชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านเป้า อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๗๙ สอบได้ประโยคนักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดประยูรวงศาวาส จังหวัดธนบุรี
พ.ศ. ๒๔๙๐ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค สำนักเรียนคณะจังหวัดอุบลราชธานี วัดพระเหลาเทพนิมิตร อำเภอพนา จังหวัดอุบลราชธานี
งานการปกครอง
- ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอุตตมผลาราม ตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
สมณศักดิ์
- พ.ศ. ๒๔๙๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เจ้าคณะตำบลที่ “พระครูไพโรจน์ปรีชากร”
- พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ชั้นโท รองเจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล นามเดิม
- พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับเลื่อนชั้นสมณศักดิ์ชั้นเอก เจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล นามเดิม
- พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รับเลื่อนชั้นสมณศักดิ์ชั้นพิเศษ เจ้าคณะอำเภอตระการพืชผล นามเดิม
การศึกษาพิเศษ
- เป็นผู้ทรงพระปาติโมกข์ เป็นพระพิธีธรรมสวดมนต์แม่นยำทุกสูตร เสียงดัง ฟังชัด เป็นผู้มีความจำดีสอนบาลีไม่ต้องดูตำราแม่นยำมาก เป็นผู้รักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นแม่บท แม่แบบที่ดีแก่คณะศิษยานุศิษย์ พระสงฆ์-สามเณรในเขตปกครองเป็นอย่างดีเยี่ยม และเป็นผู้มีความอดทนอดกลั้น ต่ออารมณ์ภายนอกได้ดีมาก



พระครูสุตปัญญานุกูล
(อำคา กิตฺติโก) เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ
สถานะเดิม
ชื่อ อำคา กอดทอง เกิดวันวันทร์ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ ปืมะแม
บิดา ชื่อ นายลี กอดทอง มารดาชื่อ นางทอง กอดทอง เกิด ณ บ้านเลขที่ ๓ หมู่ที่ ๑๐ ถนนราษฎร์บำรุง บ้านขุหลุ ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันมี
๑. นายบุญมา กอดทอง
๒. น.ส.บุปผา กอดทอง
๓. พระครูสุตปัญญานุกูล (อำคา กิตฺติโก)
๔. นางบัวสา กอดทอง
๕. นายไชยา กอดทอง
๖. นางจำปา กอดทอง
๗. น.ส.จำปี กอดทอง
อุปสมบท
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ณ พัทธสีมา วัดศรีโพธิ์ชัย บ้านขุหลุ ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบตราชธานี พระครูไพโรจน์ปรีชากร พระอุปัชฌาย์ วัดพระบรมธาตุ ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี พระนิคม ฐานวโร (พระครูบวรเจติยานุกิจ) พระกรรมวาจาจารย์ วัดพระบรมธาตุ บ้านขุหลุ ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานีพระมหาทองพันธ์ โอภาโส (พระครูโอภาสสุตกิจ เจ้าคณะตำบลขุหลุ) พระอนุสาวนาจารย์ วัดกุญชราราม บ้านดอนทับช้าง ตำบลขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
วิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๕๓๓ สอบได้นักธรรมชั้นตรี
พ.ศ. ๒๕๓๔ สอบได้นักธรรมชั้นโท
พ.ศ. ๒๕๓๕ สอบได้นักธรรมชั้นเอก
พ.ศ. ๒๕๓๖ สอบได้ประโยค ๑ – ๒
พ.ศ. ๒๕๓๗ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค
พ.ศ.๒๕๓๘ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค
พ.ศ. ๒๕๒๓ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรือนขุหลุ (ประชาวิทยาศาคาร)
พ.ศ. ๒๕๓๙ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัดศรีโพธิชัยวิทยา
พ.ศ. ๒๕๔๗ จบปริญญาตรี มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๕๗ จบวิชาชีพครู มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธาชธานี
พ.ศ. ๒๕๕๓ ปริญญาโท จบ (MBA) มหาบัณฑิต มหาวิทยลัยราชภัฏ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา
งานปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ พระมหาอำภา กิตฺติโก ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีโพธิ์ชัย
พ.ศ. ๒๕๓๗ กรรมการคุมสอบธรรมสนามหลวง – กรรมการคุมสอบธรรมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๕๙ ประธานหน่วยสอบธรรมศึกษา โรงเรียนปุญญสารวัดศรีโพธ์ชัย
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดศรีโพธิ์ชัย (ผจร) ที่ “พระครูสุตปัญญานุกุล”
อาคารเสนาสนะ
วัดพระบรมธาตุ



ซุ้มประตู
วัดพระบรมธาตุ
