
วัดแขมใต้
ตั้งอยู่ที่ วัดแขมใต้ หมู่ที่ ๖ ตำบลอ่างศิลา อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๖ ไร่ ๓ งาน ๒ ตารางวา
อาณาเขต
ทิศเหนือ ประมาณ ๒ เส้น ๘ วา ๒ ศอก จดทุ่งนา
ทิศใต้ประมาณ ๒ เส้น ๘ วา ๒ ศอก จดหมู่บ้าน
ทิศตะวันออกประมาณ ๒ เส้น ๘ วา ๒ ศอก จดทุ่งนา
ทิศตะวันตกประมาณ ๒ เส้น ๘ วา ๒ ศอก จดหมู่บ้าน
อาคารเสนาสนะ
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๗.๕ เมตร สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๓๔
กุฏิสงฆ์จำนวน ๔ หลัง อาคารไม้ ๓ หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ ๑ หลัง
ศาลาอเนกประสงค์กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙
เป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว ศาลากลางน้ำ ๑ หลังห้องน้ำห้องส้วม ๓ หลัง
ประวัติวัดแขมใต้ (บ้านแขมใต้) ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ ครั้งแรกตั้งอยู่ที่โรงเรียนบ้านแขมใต้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ได้ยกที่ของวัดให้โรงเรียน และได้ย้ายที่ตั้งวัดออกมา ซึ่งมีเนื้อที่อยู่ ๓ ไร่เศษต่อมานายผาย มีแววแสง ได้ถวายที่ดินเพิ่มอีก ๓ ไร้ ๓ งาน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๘๕ เมตร ยาว ๑๒๐ เมตร การศึกษามีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ และศูนย์การศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ นอกจากนี้มีหอสมุด
มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม
รูปที่ ๑ พระทอง สุวณโณ พ.ศ. ๒๔๗๒-๒๔๗๘
รูปที่๒ พระหยุย ขนฺติโก พ.ศ. ๒๔๗๘-๒๔๘๒
รูปที่ ๓ พระน้อย ปภสุสโร พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๘๖
รูปที่ ๔ พระอ้า พ.ศ. ๒๔๘๖-๒๔๙๐
รูปที่ ๕ พระสอน สุภโร พ.ศ. ๒๔๙๕-๒๕๐๐
รูปที่ ๖ พระยืนถาวโร พ.ศ. ๒๕๐๑-๒๕๐๕
รูปที่ ๗ พระเข้ม พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๑๙
รูปที่ ๘ พระครูกิตติวิบูลธรรมตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ ถึงปัจจุบัน
ประวัติบ้านแขมใต้
(ม่วงพะไล) ตั้งในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เมื่อก่อนนี้ขึ้นอยู่กับตำบลหนองบัวฮี ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ แยกการปกครองออกจากตำบลหนองบัวฮีมาขึ้นกับตำบลอ่างศิลา จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๗ แยกการปกครองจากตำบลอ่างศิลา มาเป็นตำบลบ้านแขมจนถึงปัจจุบันนี้ ถิ่นกำเนิดของคนบ้านแขมใต้ บ้านเดิมอยู่บ้านแขมเก่า ซึ่งห่างจากบ้านแขมใต้ ไปทางทิศเหนือประมาณ ๔ กิโลเมตร เดี๋ยวนี้กลายเป็นตำนานเพราะเกิดการล่มสลาย ในเบื้องต้นนี้ ขอเล่าถึงความเป็นมาของบ้านแขมก่อนจะถึงการล่มสลายพอเป็นแนวทางในการสันนิษฐานของท่านผู้อ่าน บ้านแขมตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ไหนไม่ทราบ รู้แต่เพียงคำเล่าขานต่อกันมีทหารกลุ่มหนึ่งหนีทัพมาในสมัยศึกหนองบัวลุ่มภู(หนองบัวลำภู) ชนกลุ่มหนึ่งรวบรวมไพร่พลได้ หนีศึกสงครามระเหเร่ร่อนมาจนถึงดงป่าต้นแขมซึ่งเป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ปราศจากศัตรูที่จะตามทันจึงพักปักหลักฐานอยู่ที่นั่นเป็นปึกแผ่นแน่นหนามีลูกหลานสร้างบ้านแปงเมืองสืบต่อมา จนถึงในราวปี พ.ศ. ๒๔๔๕ บ้านแขมก็เกิดการล่มจนเหลือเพียงเป็นตำนาน ล้านแขมร้าง (บ้านแขมฮ้าง) มาจนถึงทุกวันนี้การล่มสลายของบ้านแขม การล่มสลายของบ้านแขมในราวปีพ.ศ. ๒๔๔๕ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นพอสรุปได้ ๓ ประการ
ประการที่ ๑ เกิดอุทกภัย
ประการที่ ๒ เกิดทุพภิกขภัย
ประการที่ ๓ เกิดมีผีบุญผีบาป
๑. เกิดอุทกภัย เพราะหมู่บ้านตั้งอยู่ริมน้ำลำห้วยกว้าง ฤดูน้ำหลากฝนทางเหนือลำน้ำเมื่อฝนตกตอนกลางคืนน้ำมาโดยไม่รู้ตัวทำให้ขนข้าวของหนีน้ำไม่ทัน สัตว์เลี้ยง วัวควายหมูเป็ดไก่ล้มตายหายไปกับสายน้ำเป็นจำนวนมากเป็นอย่างนี้ติดต่อกันสามปีสี่ปี (ชาวบ้านเรียกว่า น้ำกลิ้ง) นี่เป็นเหตุการณ์ล่มสลายประการที่ ๑
๒. หมู่บ้านเกิดโรคระบาดหรือโรคห่า ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากทำให้หวาดกลัว บางคนก็ว่ามีผีปอบอยู่ในหมู่บ้านเพราะบางทีคนอยู่ดีๆ ก็ล้มชักลงตาย ปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อยก็ถึงแก่ความตาย นี่เป็นเหตุการณ์ล่มสลายประการที่ ๒
๓. การเกิดผีบุญผีบาป เมื่อมีคนหวาดกลัวความตาย บ้านแตกสาแหรกขาดก็เกิดมีคนหัวหมออวดอ้างตนเป็นผู้วิเศษแต่งชุดขาว อ้างว่าเป็นตัวแทนของศรีอาริย์ (พระศรีอริยเมตไตรย) เข้ามาในหมู่บ้านพูดหว่านล้อมต่างๆ นานา จนคนหลงเชื่อ ว่าถ้าอยู่ที่นี่ต่อไปจะเกิดมหันตภัยอันใหญ่หลวงเพราะสถานที่นี้เป็นสถานที่ผีอยู่ นี่เป็นเหตุการณ์ล่มสลายประการที่ ๓
การล่มสลายของบ้านแขมในคราวนั้น ได้แบ่งชุมชนออกเป็น ๓ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่โนนป่าต้นดูกอึ่ง คือบ้านดูกอึ่งในปัจจุบัน
กลุ่มที่ ๒ ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ป่าโนนต้นเหน่า คือบ้านแขมเหนือ(หรือบ้านไข่เหน่า) ในปัจจุบัน
กลุ่มที่ ๓ ไปตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านแขมใต้ (บ้านม่วงพะไล) ตระกูล นามสกุล “กันยามา” กำเนิดที่บ้านแขม เมื่อ ๑๑๖ ปี (ข้อมูล ปี ๒๕๖๑)
ผู้สืบเชื้อสายตระกูลกันยามา “ขุนไชยราช กันยามา” ความเป็นมาอย่างไร ไม่ทราบ รู้เพียงว่า ขุนไชยราช เป็นผู้สืบเชื้อสายมาแล้วลูกหลานก็แยกย้ายกัน ไปทำมาหากินเลี้ยงชีพเป็น ๓ สาย
สายที่ ๑ ไปตั้งถิ่นฐานโนนป่าดูกอึ่ง ลูกหลานสายนี้ส่วนหนึ่งไปตั้ง ถิ่นฐานอยู่แถวอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
สายที่ ๒ อยู่ถิ่นเดิมคือบ้านแขมใต้-แขมเหนือ
สายที่ ๓ ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหินลาดถ้ำ (เดี๋ยวนี้จมอยู่ใต้น้ำ)
ปัจจุบันนี้เป็นบ้านหาดทรายคูณ ลูกหลานสายนี้ส่วนหนึ่งได้ข้ามลำน้ำโดมน้อยไปตั้งถิ่นฐานที่บ้านห้วยทราย-บ้านคอแลน ส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่ในเขตแขวงจำปาสัก ประเทศลาว (สมัยนั้นไปมาหาสู่กันได้สบาย ใครอยากอยู่ที่ไหน
ก็ได้ อีกประการหนึ่งแขวงจำปาสักก็เป็นส่วนหนึ่งของไทยจึงสะดวกสบายในการย้ายถิ่นฐาน
ตอนนี้เป็นประวัติบ้านแขมใต้ ตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๐ โดยการนำของท่านขุนไชยราช กันยามา (ผู้สืบทอดตระกูล กันยามา) หลังจากบ้านแขมล่มสลายได้มาอยู่บ้านไข่เหน่าประมาณ ๑๐ ปี จึงอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางทิศใต้ของบ้านเดิมซึ่งห่างประมาณ ๔ กิโลเมตร ใช้นามว่าบ้านม่วงพะไล อันมีหนองม่วงเป็นนิมิตหมายมีลำห้วยพะไลเป็นที่หาปูปลา
“จึงเรียกชื่อว่าบ้านม่วงพะไล” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของโรงเรียนบ้านแขมใต้ประมาณ ๒๐๐ เมตร ปัจจุบันเป็นสวนของ พ่อยืน ทองอ้วน ชื่อเป็นทางการ”บ้านแขมใต้” แขมคือนามเดิม ใต้คืออพยพมาตั้งถิ่นฐานทางทิศใต้จึงเรียกว่า บ้านแขมใต้ นี่คือความเป็นมาของบ้านแขมใต้ เดิมทีขึ้นอยู่ในการปกครองของตำบลหนองบัวฮี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ แยกการปกครองจากตำบลยาว ๓๙ เมตร รวมบันได ๖ เมตร เท่ากับ ๔๕ เมตร ได้ดำเนินการมาเรื่อยๆ จนถึงปี ๒๕๔๒ เกิดเศรษฐกิจฟองสบู่ ไม่มีทุนดำเนินการต่อหยุดชะงักอยู่ ๔ ปี จึงได้ดำเนินการต่อโดยอาศัยลูกหลานส่วนหนึ่งไปทำงาน
ต่างประเทศจัดทำผ้าป่ามาถวาย อีกส่วนหนึ่งทำงานอยู่ต่างจังหวัดได้ดำเนินการเรื่อยมา ปีไหนไม่มีเงินก็หยุด ปีไหนมีเงินก็ดำเนินการต่อจนแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๑ สิ้นงบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๑๓,๘๙๘,๘๙๐ บาท
(สิบสามล้านแปดแสนเก้าหมื่นแปดพันแปดร้อยเก้าสิบบาท)ลำดับพระที่ปกครองวัด-เจ้าอาวาส เท่าที่จำได้ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่า มีดังนี้
๑.พระสา สุทินฺโน
๒. พระลี สุธมฺโม
๓.พระหยุย ปภาโส
๔. พระกอง กนุตสีโล
๕.พระทอง สุวณโณ
๖. พระพรมมา ชาคโร
๗.พระบุญตา ติสสโร
๘.พระแฮด ถาวโร
๙.พระเต็ม อิสุสโร
๑๐. พระยืน ถาวโร พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๐๕
๑๑. พระหลวย ปภสุสโร พ.ศ. ๒๕๐๕-๒๕๐๘
๑๒. พระกอง กนุตธมฺโม พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๑๑
๑๓. พระเข้ม เขมกาโรพ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๙
(จาก พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๑ ไม่มีพระจำพรรษา ปล่อยให้เป็นวัดร้าง
งานบุญประเพณีในวันสำคัญต้องไปนิมนต์พระจากวัดอื่นมาประกอบพิธี)
๑๔. พระสาย ธมทินโน พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๒๓
๑๕. พระครูกิตติวิบูลธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๖๒ องค์ปัจจุบันนี้
พระประธานภายในอุโบสถ
วัดบัวแดง


พระประธานภายในศาลาการเปรียญ
วัดบัวแดง


ปูชนียวัตถุ
วัดบัวแดง


อุโบสถ
วัดบัวแดง





อาคารเสนาสนะ
วัดบัวแดง















ซุ้มประตู
วัดบัวแดง

