วัดนาบุญ  ๑๓๒ หมู่  ๑๔  บ้านตาดบก  ตำบลสามแยก  อำเภอเลิงนกทา  จังหวัดยโสธร ๓๕๑๒๐

ติดต่อ  ๐๘๖-๒๔๙๓๔๙๓  (เจ้าอาวาสวัดนาบุญ )

พระมหาเจดีย์นาบุญ

อุโบสถ

จากที่พักสงฆ์นาบุญ  สู่  วัดนาบุญ

เริ่มก่อสร้าง  เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๙  โดยมีพระมหาใครสี  ขนฺติพโล  เป็นประธานที่พักสงฆ์นาบุญ

ที่ตั้ง  วัดนาบุญตั้งอยู่เลขที่ ๑๓๒  หมู่ ๑๔  บ้านตาดบก  ตำบลสามแยก  อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร  ๓๕๑๒๐

นิกายสงฆ์  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

พื้นที่  เนื้อที่ธรณีสงฆ์ ตั้งอยู่บนหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน คือ ส.ป.ก.  ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน ระหว่าง ส.ป.ก. ที่ ๕๙๔๑ III ๕๖๙๐ เนื้อที่ประมาณ ๙ – ๐ – ๗๘  ไร่ 

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ  ติดที่ทำกินของชาวบ้านห่างจาก ถนนทางหลวงหมายเลข ๒๑๑๖ เลิงนกทา-ดอนตาล  ๔๐๐  เมตร
  • ทิศใต้     ติดทางสาธารณประโยชน์ที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านโนนสวรรค์ และ กุดคอก่าน  (ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันและเป็นสมบัติของแผ่นดิน)
  • ทิศตะวันออก  ติดที่ทำกินของชาวบ้าน ฝั่งถนนดอนตาล-หินสิ่ว ทางหลวงหมายเลข ๒๑๑๖ (๐๔๐๒) แยกเข้าบ้านหินสิ่ว
  • ทิศตะวันตก  ติดทางสาธารณประโยชน์ที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านโนนสวรรค์ และ กุดคอก่าน  (ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันและเป็นสมบัติของแผ่นดิน )

พระประธานภายในอุโบสถ

บทนำ

               วัดในพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน รูปแบบของวัดในสมัยนั้นในระยะแรกคือที่พักตามโคนไม้ หรือถ้ำ เป็นการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ  เพื่อทำความเพียร ต่อมาทรงอนุญาตให้มีอารามในพระพุทธศาสนาเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบ ศาสนพิธีกิจของพระสงฆ์ ทำให้มีความเหมาะสมในการดำรงเพศพรหมจรรย์ และเพื่อความเจริญมั่นคงของพระพุทธศาสนา การสร้างวัดไว้ในพระพุทธศาสนานั้นจุดประสงค์ก็เพื่อ ใช้เป็นสถานที่พำนัก    ของพระสงฆ์ผู้สละแล้วจากการเป็นอยู่อย่างคฤหัสถ์ พระสงฆ์ผู้ปรารถความเพียร เพื่อทำให้แจ้งซึ่ง  พระนิพพาน วัดจึงต้องมีบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประพฤติพรหมจรรย์ของพระสงฆ์   และเพื่อเสริมสร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้เกิดขึ้นกับบุคคลทั้งหลายผู้ได้มาสัมผัส  วัดจึงเป็นสัญลักษณ์ของความสงบรื่นรมย์ เพราะเป็นที่พักของผู้มีบาปกรรมอันสงบระงับแล้ว เป็นที่อยู่ของผู้ที่เห็นภัย  ในวัฏฏะห่างไกลจากความชั่วทุกรูปแบบ เป็นที่อาศัยของผู้บริสุทธิ์ สะอาดทางกาย  วาจา  ใจ  เป็นพื้นฐาน

ต้นกำเนิดวัดนาบุญ

                 ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้าพเจ้า (พระมหาใครสี ขนฺติพโล ) ได้มีโอกาศเดินทางไป ประเทศอินเดีย เพื่อสักการะสังเวชนียะสถาน ๔ ตำบล เป็นเวลา ๑๑ วัน เมื่อวันที่ ๑๗ พ.ย. ๒๕๕๗ เวลา ๐๕.๐๐ น.ข้าพเจ้าได้เข้าไปประทักสินรอบองค์เจดีย์พุทธคยา ๓ รอบ แล้วเข้าห่มผ้าไตรจีวรแด่พระพุทธเมตตา ด้านในห้องพระเจดีย์เสร็จแล้ว ข้าพเจ้า ได้ตั้งจิตอธิฐานว่า “ข้าพเจ้ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง หากแม้นว่าตัวของข้าพเจ้านี้ มีบุญญาบารมีในการที่จะได้มีโอกาศเผยแผ่คำสอนของพระพุทธองค์ในแผ่นดินมารดาแล้วไซร้ ขอให้เทพเทวาอารักษ์ ที่ปกปักรักษาที่พระเจดีย์พุทธคยานี้ จงช่วยบอกเล่าท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายช่วยอุดหนุนข้าพเจ้าได้มีสถานที่อันเป็นสัปปายะ ในการทำกิจกรรมเผยแผ่  พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าให้สำเร็จด้วยเทอญ..”จากนั้นก็ได้ออกมาทำวัตรเช้า นั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ รุ่งเช้า ก่อนออกจากสมาธิ เมล็ดโพธิ์ได้หล่นมาที่ตักของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าคิดในใจว่า   นี่คงจะเป็นของขวัญกำลังใจ ที่เทวดาท่านให้เป็นแน่แท้ จึงได้เก็บห่อใส่ในถุงย่ามมาด้วย…….

                 เมื่อกลับถึงประเทศไทย ได้เดินทางไปที่วัดเขาสนามชัย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์    จึงได้นำเมล็ดโพธิ์นั้น มอบให้แก่สหธรรมิก (พระมหาอมรชัย จารุวณฺโณ) ท่านได้นำไปกล้าเพาะชำเอาไว้… ผ่านมา เมื่อ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๘  ข้าพเจ้าได้ไปร่วมงานปฏิบัติธรรม ที่ วัดพระธาตุหนองสามหมื่น อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ได้เจอกับท่านพระมหาอมรชัย จารุวณฺโณ  ท่านได้นำต้นกล้าโพธิ์ ต้นเล็กๆ มามอบให้ในงาน ท่านบอกว่าเป็นต้นโพธิ์จากที่ข้าพเจ้าให้มานั้น เป็นต้นแรก จาก ๒๘ ต้น ข้าพเจ้าจึงได้นำมาไว้ที่วัดกุดมงคล อันเป็นวัดบ้านเกิด ต่อมาจึงได้หาสถานที่ปลูกอันเหมาะสม ในปีนั้นข้าพเจ้าจึงได้ปรึกษากับโยมพ่อ โยมแม่ ว่า นาข้าวของโยมนั้นก็ว่างจากคนทำอยู่ นำมาทำเป็นนาบุญคงดีเนอะ…..  ท่านทั้งสอง พร้อมทั้งน้องๆ ก็ไม่ขัดข้องยินดีอนุโมทนายกถวายให้เป็นนาบุญ ฉะนั้น ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ข้าพเจ้าจึงได้ออกมาเริ่มปรับสถานที่สร้างเสนาสนะ จากนั้นหลังปีใหม่ มกราคม  ๒๕๕๙ ข้าพเจ้าได้เริ่มมาพำนักที่ สำนักสงฆ์นาบุญอย่างเป็นทางการ ต่อมา วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๙  คณะสงฆ์พระเถรานุเถระและสามเณรฤดูร้อนพร้อมคณะญาติโยม ได้แห่ต้นพระศรีมหาโพธิ์มาประดิษฐานไว้ ณ ใจกลางของวัด  โดดเด่นเป็นสง่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ร่วมเวลา ๑๐ ปี พอดี

     วัดนาบุญจึงเป็นสถานที่หลักสถาบันหนึ่งของชาติ ทำหน้าที่ในการสืบทอดทางพระพุทธศาสนาและการปลูกฝังศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมอันดีงามแก่พุทธศาสนิกชน  และประชาชนจากรุ่นสู่รุ่น สืบเนื่องมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน  โดยมีพระมหาใครสี ขนฺติพโล พระสงฆ์ เป็นตัวแทนของวัด เป็นผู้นำทางด้านจิตใจของประชาชน เป็นศูนย์รวมแห่งความเชื่อถือและความร่วมมือ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม เป็นเบ้าหลอมวิถีชีวิตของชาวไทยพุทธ ซึ่งนับได้ว่าวัดแห่งนี้   เป็นสถานที่ที่ทำคุณประโยชน์คณูปการแก่สังคมเป็นอย่างมาก

       จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า พระมหาใครสี  ขนฺติพโล เจ้าอาวาสองค์แรกและองค์ปัจจุบัน ผู้ซึ่งเดินทางเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๑ ด้วยอายุ ๒๔ ปี  พร้อมด้วยโยมพ่อโยมแม่  คุณพ่อบุญกอง  ขันทอง  คุณแม่เหลือ ขันทอง  ได้มีจิตอันเป็นกุศลยกที่นาแห่งนี้ถวายพระลูกชาย  บนเนื้อที่กว่า ๒๕  ไร่ จากที่สงบพื้นที่ที่เป็นท้องทุ่ง เป็นป่ามาปรับเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัยที่สงบสงัด    และได้เพิ่มเติมสิ่งก่อสร้างที่จำเป็นและเอื้อต่อการปฏิบัติพรหมจรรย์ของพระภิกษุสงฆ์  ซึ่งต่อมาได้มีพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ได้สร้างถาวรวัตถุขึ้นภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโบสถ์ พระมหาธาตุเจดีย์นาบุญ ตลอดจนเสนาสนะอันเป็นสัปปายะสำหรับพระสงฆ์  โดยมุ่งประโยชน์ใช้สอยทางศาสนาเป็นหลักและถือว่าการสร้างสิ่งเหล่านี้ เป็นการบำเพ็ญบุญตามวิธีการทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องมั่นคง สืบไป

– เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ที่พักสงฆ์นาบุญ ได้รับประกาศจังหวัดยโสธร

โดยนายนิกร สุกใส ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  ให้ใช้พื้นที่แห่งนี้สร้างวัด สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย   หมู่ที่ ๑๔ บ้านตาดบก ตำบลสามแยก อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

– เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕  โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประกาศ ตั้งวัดตามที่ประกาศ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕

– เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕ พระเดชพระคุณพระเทพวงศาจารย์  เจ้าคณะจังหวัดยโสธร ได้ประกาศแต่งตั้ง พระมหาใครสี  ขนฺติพโล  ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนาบุญ  องค์แรก

– เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ พระเดชพระคุณพระเทพวงศาจารย์  เจ้าคณะ-จังหวัดยโสธร ได้ประกาศแต่งตั้ง พระมหาใครสี ขนฺติพโล ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะตำบลสามแยก

พระราชทานวิสุงคามสีมา

          ครั้งต่อมา  เมื่อวันที่ ๑๖  พฤษภาคม ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดนาบุญ เขตวิสุงคามสีมา  กว้าง ๒๕  เมตร  ยาว  ๔๐  เมตร  โดยมีเขตสีมา  ในเนื้อที่ ๑,๐๐๐  ตารางเมตร

พระมหาใครสี  ขนฺติพโล

เจ้าอาวาสวัดนาบุญ  และรองเจ้าคณะตำบลสามแยก  

ประวัติพระมหาใครสี  ขนฺติพโล

          พระมหาใครสี  ขนฺติพโล นามเดิม นายใครสี ขันทอง  เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๘  ณ บ้านเลขที่ ๕๒ บ้านโนนสวรรค์กุดคอก่าน ได้มุ่งหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์  ด้วยอายุ ๒๔ ปี  บิดานาย  บุญกอง  ขันทอง  มารดานางเหลือ  ขันทอง ทั้งสองท่านยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน   มีพี่น้องร่วมสายโลหิตด้วยกัน  ๕  คน คือ

          ๑. นางสุมารี  วิลัยกุล   แต่งงานกับนายเกรียงไกร  วิลัยกุล  มีบุตร ๒ คน

          ๒. นางญาดา  ขันทอง  แต่งงาน ปัจจุบันโสด  มีบุตร ๒  คน

          ๓. นางอรวรรณ  ขันทอง  แต่งงานกับนายสมพร  โจมคำ มีบุตรธิดา ๒ คน

          ๔. นางพิมพ์สุภา  สมบูรณ์ขันทอง  แต่งงาน  ปัจจุบันโสด มีบุตรธิดา  ๓  คน

          ๕. นางสาวจิดาภา  ขันทอง  แต่งงานกับนายธัญพิสิษฐ์ พัฒนเพ็ญ มีบุตรธิดา  ๒ คน

          ปัจจุบัน พระมหาใครสี  ขนฺติพโล พรรษาที่ ๒๗  ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนาบุญ  และรองเจ้าคณะตำบลสามแยก   (ข้อมูล ณ เดือนกรกฏาคม ๒๕๖๘)

จิตอันเป็นกุศลสู่สาธารณะ

          – เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฏาคม  ๒๕๖๗  พระมหาใครสี  ขนฺติพโล พร้อมคณะญาติธรรมที่มิจิตศรัทธาร่วมบริจาค ได้ถวายเตียงแก่พระสงฆ์ที่อาพาธ เป็นจำนวน ๔ เตียง รวมราคา ๒๔๐,๐๐๐บาท และพัดลมแบบโคจร จำนวน ๑๐ ตัว รวมราคา ๑๒,๐๐๐ บาท ณ ตึกสงฆ์อาพาธ  ชั้น ๕ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา  อำเภอเลิงนกทา  จังหวัดยโสธร

          – ทำหน้าที่เจ้าอาวาสวัดนาบุญ และ รองเจ้าคณะตำบลสามแยก ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  ไม่ว่าจะเป็นกิจนิมนต์ของคณะสงฆ์ตามวัดต่างๆ ทั้งในและนอกอำเภอ หรือต่างจังหวัด ร่วมถวายปัจจัยตามสมควรในงานทอดกฐิน งานมหาสังฆทานของวัดที่รับนิมนต์สื่อสารมา เป็นวิทยากรแสดงธรรมเทศนา และเป็นตัวอย่างที่ดีในการครองเพศบรรพชิต ครองคนและครองงาน ภายใต้การปกครอง   ของคณะสงฆ์ นำโดย พระมหาวิชัย สิริจนฺโท เจ้าคณะตำบลสามแยก  พระครูศรีธรรมคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอเลิงนกทา  และพระเดชพระคุณพระเทพวงศาจารย์  เจ้าคณะจังหวัดยโสธร

กิจกรรมเผยแผ่พระศาสนา

– จัดให้มีการปฏิบัติธรรม ในระหว่างวันที่ ๕-๑๑ มกราคม ของทุกๆๆปี เริ่มเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙  จนถึงปัจจุบัน

– จัดแสดงธรรมเทศนาทุกวันพระ  และในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

– สอนพระอภิธรรมเผยแผ่พระศาสนาผ่านระบบออนไลน์ เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๖๗ ถึงปัจจุบัน  และนำเสนอกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับพระศาสนาผ่าน  Social network มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ เริ่มครองเพศบรรพชิต

– จัดให้ประชาชนเข้าร่วมสวดมนต์  ทำวัตรเช้าเย็น  จำศีล  ภาวนา ตลอดฤดูกาลเข้าพรรษา

– เผยแผ่พระศาสนาทั้งระบบออนไลน์ หนังสือ  และสื่อประเภทอื่นๆ

– ส่งเสริมและจัดกิจกรรมการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนในทุกปี

– ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัดนาบุญ ได้จัดกิจกรรมแสดงปาฏกถาธรรม สวดมนต์  เจริญภาวนา บูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์  พระมหาธาตุเจดีย์นาบุญ ทำบุญตักบาตรในทุกวันพระ ส่งผลให้ประชาชนบ้านใกล้เรือนเคียงเข้าวัดศึกษาปฏิบัติธรรมมากขึ้น หล่อหลอมเป็นประเพณี อันดีงามของวัดนาบุญ สืบมาตราบเท่าทุกวันนี้

เกียรติประวัติของวัดนาบุญ

พ.ศ. ๒๕๖๕

– เป็นวัดนาบุญ  ถูกต้องตามกฎของมหาเถระสมาคม  และสำนักงาน-พระพุทธศาสนาแห่งชาติ  มีฐานะเป็นนิติบุคคล 

– พระมหาใครสี ขนฺติพโล  ได้รับตราตั้งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนาบุญ

พ.ศ.๒๕๖๖

– พระมหาใครสี ขนฺติพโล  ได้รับตราตั้งดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะตำบลสามแยก

พ.ศ.๒๕๖๘

– เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมี  พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดนาบุญ เขตวิสุงคามสีมา  กว้าง ๒๕  เมตร  ยาว  ๔๐ เมตร โดยมีเขตสีมา  ในเนื้อที่ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร

ลำดับเจ้าอาวาส   พระมหาใครสี  ขนฺติพโล  ( ดำรงตำแหน่งองค์แรก ๒๕๖๕  จนถึงปัจจุบัน )