

พระประธานประจำอุโบสถ

อุโบสถ

การสร้างอุโบสถ
เมื่อได้รับประกาศตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการแล้ว จึงได้ดำเนินการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในขณะที่ยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา หลวงพ่อก็ได้ดำเนินการปรับพื้นที่กำหนดบริเวณเพื่อสร้างอุโบสถ และได้ทำการสวถอดถอน เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ โดยมี พระครูพิศาลโพธานุวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอพิบูลมังสาหาร
วัดโพธิ์ตาก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีพระสงฆ์ร่วมสังฆกรรมทั้งสิ้น จำนวน๑๕๙ รูป ต่อมาได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษการสร้างอุโบสถ เมื่อวันที่ ๖ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ โดยมี พระครูโพธิสารคุณวัฒน์( บุญชู ) วัดป่าโพธิญาณ เป็นประธานพิธีกาลต่อมาเมื่อได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานวิสุงคามสีมาตามประกาศเมื่อวันที่ ๙ เดือน มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๗จึงได้ทำการปักเขตวิสุงคามสีมา กำหนดความกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร โดยมี พระครูพิศาลโพธานุวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอพิบูลมังสาหารวัดโพธิ์ตาก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำเภอพิบูลมังสาหารเป็นประธานฝ่ายฆราวาสเมื่อต้นปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ ได้เริ่มทำการก่อสร้างอุโบสถโดยมี
ลักษณะเป็นคอนกรีสเสริมเหล็กยกพื้นห่างจากพื้นดินเพื่อให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบของอุโบสถ ผนังของตัวอุโบสถทำด้วยหินศิลาแรงกว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๔ เมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้วมองดูมีลักษณะโดดเด่น เป็นตระหง่านอยู่บริเวณเขตพุทธาวาส อุโบสถหลังนี้ใช้เวลาก่อสร้าง ๗ ปีจึงแล้วเสร็จ สิ้นงบประมาณทั้งสิ้น ๓,๙๙๙,๙๙๙ บาท (สามล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท) กำหนดจัดให้มีพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตอุโบสถ เมื่อวันที่ ๑ เดือน มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
ศาลาฟังธรรม

หลังจากที่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อชาวัดหนองป่าพงแล้ว ก็ได้อยู่ฝึกหัดปฏิบัติข้อวัตรต่าง ๆ และยังได้รับความเมตตาอนุเคราะห์จากหลวงพ่อชาเป็นดี เมื่อหลวงพ่อชาเห็นความตั้งใจในการประพฤติปฏิบัติและมีความพรากเพียรเอาใจใส่ในการท่องจำพระปาฏิโมกข์จนท่องจำได้ หลวงพ่อชาก็มีคำสั่งให้ไปจำพรรษาเพื่อเป็นพระภิกษุปาฏิโมกข์ตามวัดสาขาต่าง ๆ เช่น วัดภูดินแดง วัดบึงเขาหลวงวัดป่าค้อวัดถ้ำแสงเพชร เป็นต้น พอออกพรรษาหมดฤดูกาลกรานกฐินหลวงพ่อคูณก็ได้เดินธุดงค์ไปปฏิบัติสมณธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งต่างจังหวัดและบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี คราวหนึ่งได้ไปพำนักปฏิบัติสมณธรรมอยู่บริเวณบ้านแก่งศรีโคตร อำเภอพิบูลมังสาหาร (ปัจจุบันอำเภอสิรินธร) มีความรู้สึกว่าบริเวณสถานที่แห่งนั้นเงียบสงบถูกกับจริตของตนเอง จึงตั้งใจไว้ว่าจักปักหลักอยู่ปฏิบัติธรรม ณ บริเวณบ้านแก่งศรีโคตรนั้น เมื่อพำนักปฏิบัติสมณธรรมอยู่ที่แห่งนั้น ผู้เป็นโยมพ่อโยมแม่และญาติผู้ใหญ่ทราบว่าท่านอยู่ที่นั้นก็ได้เดินทางไปนิมนต์ให้มาพักอยู่ที่บ้านนาโพธิ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ท่านจึงได้กล่าวกับโยมพ่อโยมแม่ว่า ถ้าโยมพ่อโยมแม่บวชพระหรือบวชชีด้วย จึงจะกลับไปอยู่ที่บ้าน ท่านทั้งสองก็รับปากว่าจะบวชอยู่ด้วย จึงได้นำเรื่องที่จะสร้างวัดไปกราบเรียนปรึกษาหลวงพ่อชา ผู้เป็นอาจารย์ให้รับทราบว่าจะสร้างวัดอยู่ที่บ้านแก่งศรีโคตร หลวงพ่อชา ได้กล่าวว่า “ถ้าท่านคูณไปอยู่ไกลขนาดนั้นผมไม่ไปเยี่ยมนะเพราะมันไกล” จึงได้กล่าวอีกว่าบริเวณสถานที่ที่สัปปายะ เหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรมที่หมู่บ้านนาโพธิ์
เจดีย์พระเจ้าใหญ่โพธิ์สุวรรณ

ก็มีควรจะหาสถานที่อยู่ที่นั้น จึงได้รับพิจารณาตามคำของหลวงพ่อชาผู้เป็นอาจารย์ และกล่าวว่ากระผมจะหาสถานที่เพื่อสร้างวัดที่บ้านนาโพธิ์ หลวงพ่อชา จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “สมมุติว่า ถ้าโยมพ่อ โยมแม่ของเราตายไปจะร้องให้หรือไม่?” จึงได้เรียนตอบหลวงพ่อชาว่า “จะร้องให้ทำไม” หลวงพ่อชา จึงถามอีกว่า “ทำไมไม่ร้องให้” จึงเรียนตอบว่า “มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสัตว์โลกครับ” เมื่อหลวงพ่อชาได้ยินคำตอบดังนั้น ก็อนุญาตให้ไปหาที่เพื่อสร้างวัดที่บ้านนาโพธิ์ต้นปีพุทธศักราช ๒๕๑๙ หลวงพ่อคูณก็ได้กราบลาหลวงพ่อชาเดินทางมาที่บ้านนาโพธิ์ ก่อนที่หลวงพ่อคูณจะเดินทางมาบ้านนาโพธิ์เพื่อหาสถานที่ที่สัปปายะเหมาะสำหรับในการสร้างวัด ลูกสาวของคุณแม่บุญ พรสุวรรณ ได้ฝันเห็นพระธุดงค์กรรมฐานมาพักปักกลดอยู่บริเวณป่า เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็จะพากันไปกราบนมัสการ เมื่อพากันออกไปที่ป่าก็เจองูจงอางตัวใหญ่น่ากลัวมากพากันแตกตื่นวิ่งหนี”ก็ได้พูดเรื่องนี้สู่กันฟังบ้างแล้ววันที่หลวงพ่อคูณเดินทางมาถึงที่บ้านนาโพธิ์ ก็ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องจะหาที่เพื่อสร้างวัด โยมพ่อ โยมแม่ และญาติโยมชาวบ้านนาโพธิ์ได้ช่วยกันหาสถานที่เพื่อสร้างวัด ขณะนั้นคุณแม่บุญ พรสุวรรณ ได้ทราบว่าหลวงพ่อคูณกำลังหาสถานที่เพื่อสร้างวัด จึงได้บริจาคที่ดิน จำนวน๒๐ กว่าไร่ เพื่อให้สร้างวัดด้วยจิตศรัทธา หลวงพ่อคูณและชาวบ้านทั้งหลายก็ได้พากันมาดูพื้นที่ ที่คุณแม่บุญบริจาคให้ ขณะที่เดินสำรวจดูพื้นที่ลูกสาวของคุณแม่บุญก็ได้เล่าเรื่องความฝันให้หลวงพ่อคูณฟัง และ ยังพูดว่าความฝันเมื่อคืนก่อนนี้คงจะเป็นท่านอาจารย์มานี่เอง


พระพุทธรูป

บริเวณวัดป่าโพธิ์สุวรรณเมื่อก่อนกับปัจจุบันก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก เป็นป่าไม้เบญจพรรณมีต้นไม้น้อยใหญ่หลายชนิดได้อยู่รวมกันมีต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า “ต้นพันชาติ” ซึ่งก็มีอยู่หลายต้นที่อยู่บริเวณนั้น ก่อนจะถึงฤดูกาลเข้าพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๑๙มีกุลบุตรลูกหลานที่มีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาฝากตัวเข้าเป็นนาค (ผ้าขาว) เพื่อฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติ พอถึงเวลากลางคืนได้เห็นแสงเหมือนดวงอาทิตย์เป็นลูกกลมๆ พุ่งขึ้นจากโคนต้นพันชาติใหญ่ที่อยู่ติดกับป้ายทางเข้า-ออก หน้าวัดปัจจุบันนี้ ก็ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นมากราบเรียนหลวงพ่อ ๆ ก็เลยพูดขึ้นว่า คงเป็นนิมิตหมายอันดีมีความเป็นมงคลเพราะว่าเมื่อมีแสงสว่างเกิดขึ้น ณ ที่ใดที่นั้นก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองดุจแสงสว่างเกิดขึ้นต่อมาวัดแห่งนี้ก็เจริญขึ้นตามลำดับเรื่อยมา ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินเพื่อขยายอาณาเขตของวัดให้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันวัดป่าโพธิ์สุวรรณ ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ ๙๙ หมู่ที่ ๗บ้านนาโพธิ์น้อย ตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีมีเนื้อที่ทั้งหมด ๕๙ ไร่ ๑ งาน – ตารางวา โดยมี พระครูสุวรรณโพธิเขต(หลวงพ่อคูณ อคคธมฺโม) เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่เริ่มสร้างปีพุทธศักราช ๒๕๑๙ จนถึงปัจจุบันการที่หลวงพ่อคูณได้มาริเริ่มสร้างวัดตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๙เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ท่านก็ได้พัฒนาวัดด้วยการสร้างเสนาสนะพร้อมๆ กับการสร้างคนด้วยการแนะนำอบรมกรรมฐานแก่บรรดาศรัทธาญาติโยมให้รู้จักการบำเพ็ญบุญกุศล ตั้งตนให้เป็นคนดีอยู่ในศีลห้า
ศาลาพระไม้แกะสลัก

หมั่นเจริญเมตตาภาวนาเป็นนิจ เมื่อโยมพ่อโยมแม่มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดเป็นประจำ สิ่งที่จะลืมไม่ได้คือสัญญาระหว่างพ่อแม่กับลูก ท่านจักทวงถามโยมพ่อโยมแม่อยู่บ่อยๆ ว่า เมื่อไหร่? จะมาบวชพระหรือบวชชีโยมพ่อโยมแม่ก็ผลัดวันไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนไปเป็นปี จนในปีพุทธศักราช ๒๕๒๖ ความปรารถนาของท่านก็สำเร็จอีกประการหนึ่งคือ คุณแม่ปิ่น นารัตน์ ผู้เป็นมารดาบังเกิดเกล้าได้ตัดสินใจบวชชี ท่านมีความดีใจมากที่โยมแม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ คุณแม่ชีปิ่นนารัตน์ ก็ได้บวชชีและอยู่ในเพศของแม่ชีตลอดมาจนได้ เสียชีวิต เมื่อวันที่ ๒๙ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ รวมอายุได้ ๙๕ ปี บวชชีอยู่ ๓๐ ปี ส่วนโยมพ่อนั้นขอเป็นอุบาสกเข้าถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิตและเสียชีวิตเมื่อปีพุทศักราช ๒๕๔๓ก่อนที่โยมแม่ปิ่น นารัตน์ จะได้บวชเป็นแม่ชีนั้น เมื่อปีพุทธศักราช๒๕๒๔ หลวงพ่อชา จำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำแสงเพชร ได้ให้ความเมตตาอนุเคราะห์สัตตาหะไปเยี่ยมลูกศิษย์ลูกหาตามวัดสาขาต่างๆ เพื่อให้กำลังใจในการประพฤติปฏิบัติแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย หลวงพ่อชาได้มีโอกาสมาพักที่วัดป่าโพธิ์สุวรรณ เป็นเวลาหนึ่งคืน และได้แสดงธรรมแก่ญาติโยมที่มากราบนมัสการเพื่อรับฟังธรรมจากท่าน รุ้งเช้า หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ก่อนจะเดินทางกลับ หลวงพ่อชาได้กล่าวกับหลวงพ่อคูณว่า “เออ! บัดนี้ได้มาใช้หนี้ท่านคูณแล้ว ไม่ได้เป็นหนี้ท่านคูณอีกแล้ว ขอให้มีความสุข ความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นทั้งพระเณรและญาติโยมทุกๆ คน”
ปัจจุบันวัดป่าโพธิ์สุวรรณ มีเสนาสนะวัตถุถาวรที่ใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติศาสนกิจ มีดังนี้ อุโบสถ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลังศาลาโรงครัว ๑ หลัง กุฏิรับรองพระเถระ-อาคันตุกะ ๑ หลัง กุฏิพระภิกษุ สามเณร ๑๖ หลัง กุฏิชี ๖ หลัง ศาลาที่พักผู้ปฏิบัติธรรม ๑ หลังห้องน้ำ- ห้องสุขา ๖ หลัง รวม ๕๐ ห้องในการสร้างวัดนั้นต้องประกอบไปด้วยสองฝ่ายคือทั้งศาสนจักรและอาณาจักร จึงจักเป็นไปด้วยดี เมื่อทางฝ่ายปกครองบ้านเมืองและฝ่ายปกครองทางการคณะสงฆ์เห็นดีเห็นชอบด้วยแล้ว หลวงพ่อจึงได้มอบหมายให้ นายศักดา ราชาธรรมกุล ดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อสร้างวัดและได้รับประกาศอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อสร้างวัด เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๓ เรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า”สำนักสงฆ์” เมื่อยังไม่ได้ดำเนินการขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างวัดหรือดำเนินการขอใช้พื้นที่แล้วแต่ยังไม่ได้รับอนุญาต เรียกว่า “ที่พักสงฆ์”เมื่อได้รับประกาศอนุญาตให้สร้างวัดแล้ว ต่อมาก็ได้ดำเนินการขออนุญาตตั้งวัดและได้รับอนุญาตประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา มีนามว่า “วัดป่าโพธิ์สุวรรณ” เมื่อวันที่ ๑๑ เดือน ธันวาคม พุทธศักราช๒๕๔๔ เมื่อได้รับอนุญาตประกาศตั้งเป็นวัดแล้ว ทางฝ่ายปกครองการคณะสงฆ์จึงได้มอบหมายให้หลวงพ่อคูณ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโพธิ์สุวรรณ เมื่อวันที่ ๑๒ เดือน กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕เมื่อวันที่ ๕ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดูลยเดชมหาราช ทรงพระกรุณา พระราชทานโปรดฯ ตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรพัดยศ เจ้าอาวาส วัดราษฎร์ ชั้นโท (จร.ชท.)ในพระราชทินนามที่ “พระครูสุวรรณโพธิเขต”



หอระฆัง

หอโปง

ลานธรรม




กุฏิอนุสรณ์ โยมพ่อโยมแม่เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิ์สุวรรณ
พระครูสุวรรณโพธิเขต (หลวงพ่อคูณ อคฺคธมฺโม)



พระครูสุวรรณโพธิเขต (หลวงพ่อคูณ อคฺคธมฺโม)
เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิ์สุวรรณ
อาคารเสนาสนะ
หอฉัน







กุฏิเจ้าอาวาส

กุฏิเก่าเจ้าอาวาส

กุฏิสงฆ์



กุฏิรับรอง

