วัดบ้านโนนบก ตั้งอยู่ที่บ้านโนนบก หมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านแดง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งวัด เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ ที่ดินของวัด เนื้อที่ ๓ ไร่ ๑๐ ตารางวา
ปัจจุบันนี้มีถาวรวัตถุและสิ่งปลูกสร้าง
ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง
กุฏิ ๓ หลัง
หอฉัน ๑ หลัง
ศาลานาบุญ ๑ หลัง
เมรุ ๑ หลัง
หอระฆัง ๑ หลัง
ซุ้มประตูวัด ๑ ด้าน
ส้วม ๑ หลัง
ถาวรวัตถุ และปูชนียสถาน ที่มีอยู่ คือ
๑. พระพุทธรูปปูนปั้น อายุ ๑๐๐ ปี
๒. ระฆังไม้ ( โปง )
มีวัดอื่นอยู่ใกล้กับวัดร้างที่ขอบูรณปฏิสังขรณ์ คือ
ทิศเหนือ วัดศรีอุดร ระยะห่างประมาณ ๔.๕ กิโลเมตร
ทิศใต้ วัดอุดมธัญญาวาส ระยะห่างประมาณ ๒.๐ กิโลเมตร
ทิศตะวันออก วัดแสงอุทัย ระยะห่างประมาณ ๑.๐ กิโลเมตร
ทิศตะวันตก วัดโนนบก ระยะห่างประมาณ ๑.๐ กิโลเมตร

      บ้านโนนบกเดิมเป็นชุมชนเล็กๆมี ๕ - ๖ ครอบครัว โดยนายชัย ขันทีได้เป็นผู้นำครอบครัวญาติพี่น้องมาก่อตั้งชุมชนใหม่ยังที่นาของตน ต่อมามีครอบครัวอื่นที่มีที่นาอยู่ใกล้เคียงติดตามมาปลูกสร้างบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมบ้านโนนบกเป็นคุ้มบ้านส่วนหนึ่งที่ขึ้นสังกัดบ้านทม ต่อมาทางราชการเห็นว่าบ้านโนนบกเป็นชุมชนใหญ่แล้ว สมควรแยกหมู่บ้านออกจากจากบ้านทม จึงได้ประกาศตั้งหมู่บ้านขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เป็นบ้านโนนบก หมู่ที่ ๖ ตำบลคอนสาย มีนายแพง หอมหวลเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกและมีผู้ใหญ่บ้านสืบต่อกันมาอีกหลายคนต่อมาทางราชการเห็นว่าตำบลคอนสายเป็นตำบลใหญ่มีเขตปกครองกว้างไกลมีประชากรและหมู่บ้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ประกาศแยกตำบลคอนสายออกเป็นตำบลบ้านแดง เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ประชาชนบ้านโนนบกเกือบทั้งหมดประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม นับถือพุทธศาสนาทั้งหมู่บ้านการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา บำเพ็ญบุญกุลตามประเพณีเป็นวิถีชีวิตของชุมชนที่พระพุทธศาสนามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นประเพณี การก่อสร้างวัดประจำหมู่บ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีสถานที่ทำบุญทำกุศล เพราะชาวบ้านไม่สะดวกในการเดินทางไปทำบุญที่วัดบ้านอื่นที่อยู่ห่างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ และการไปนิมนต์พระสงฆ์จากวัดอื่นมาประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาที่บ้านก็ไม่สะดวกเช่นเดียวกัน

        ดังนั้น ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันก่อสร้างวัดครั้งแรก เมื่อ ปีพ.ศ. ๒๔๗๑ ในที่นาของนายชัย ขันที ซึ่งอุทิศให้สร้างวัดเนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่เศษ นายชัย ขันทีพร้อมด้วยบุตรภรรยา ญาติพี่น้องและผู้นำชุมชนคือนายแพง หอมหวลผู้ใหญ่บ้านคนแรกเป็นผู้นำในการก่อสร้างวัดในปีแรกได้ร่วมกันก่อสร้างศาลาโรงธรรมชั่วคราวขึ้น ๑ หลัง กุฏิ ๒ หลัง ทั้งหมดทำด้วยไม้ เพราะสมัยนั้นหาไม้ได้ง่าย แล้วนิมนต์พระอาจารย์คำ แก้วประกอบ ( ไม่ทราบฉายา )จากวัดแสงอุทัย ( บ้านแดง ) มาจำพรรษา พร้อมพระลูกวัดอีก ๑ รูป ท่านพำนักอยู่ได้ ๓ พรรษาก็ลาสิกขาบทไป ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๔๗๓พระนา ติสสว์โส จากวัดบ้านห้วยหวายมาเป็นเจ้าอาวาสแทน พร้อมสามเณร ๓ รูป คือ สามเณรทองคำ ดาษดา สามเณรเรือง สัมมาวงค์ และสามเณรเป้ย ทิลาธรรม อยู่จนมาถึงปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ท่านย้ายไป ตั้งแต่นั้นมาจำพรรษาที่วัดอื่น พระภิกษุสามเณรรูปอื่นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นเช่นกัน จึงทำให้วัดบ้านโนนบกกลายเป็นวัดร้าง
       ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ คณะสงฆ์และชาวบ้านเห็นว่าวัดมีความสำคัญและจำเป็นต่อวิถีชีวิตของชาวพุทธอย่างยิ่ง จึงได้ร่วมกันฟื้นฟูบูรณะวัดขึ้นใหม่ นายทอน อินทร์สาผู้ใหญ่บ้านได้นำชาวบ้านก่อสร้างกุฏิขึ้น ๒ หลัง ศาลาโรงธรรม ขนาด กว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๕ เมตร มีลักษณะเป็นไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง ๑ เมตร และโรงครัวอีก ๑ หลัง นิมนต์พระเรือง สัมมาวงค์ ( ธมมเตโช ) ซึ่งเคยบวชเป็นสามเณรที่วัดนี้มา ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาส ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ พระเรืองลาสิกขาบทออกไปมีครอบครัว ต่อจากนั้นมีหลวงปู่โหว่ ขันที ( อานนโท) จากบ้านโนนสวางมาเป็นเจ้าอาวาสแทน อยู่จำพรรษาได้ ๕ ปี ก็ย้ายไปอยู่วัดอื่น ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๑ หลวงปู่แท่ง ( ปริสุทโธ ) มาเป็นเจ้าอาวาส อยู่ได้ ๖ ปี ก็ย้ายไปอยู่วัดอื่น ปี พ.ศ.๒๔๐๗ หลวงปู่บุตร ขันที ( ขนติโก) มาเป็นเจ้าอาวาส ในช่วงนี้ท่านได้นำชาวบ้านร่วมกันก่อสร้าง กุฏิหลัง ใหญ่ขึ้น ๑ หลัง ขนาด ๙ เมตร ยาว ๑๒ เมตร ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ใต้ถุนสูง หลังคามุงด้วยสังกะสี มีพระทุมมาเป็นพระลูกวัด นายโพธิ์ โรคน้อยเป็นผู้ใหญ่บ้าน อยู่ได้ ๒ ปีก็ถึงแก่กรรม

       นายสุบรรณ ดาษดาเป็นผู้ใหญ่บ้านสืบแทน หลวงปู่บุตรอยู่วัดนี้นานถึง ๒๒ พรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๓๐
ท่านมรณภาพลงด้วยโรคชรา ต่อมาชาวบ้านจึงได้นิมนต์พระเสียง สุจิตฺโต มาจำพรรษา มีพระลูกวัด ๒ รูป
คือ พระเต้ และพระประดิษฐ์ สืบสี ในช่วงนี้ได้ก่อสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ ๑ หลัง หอระฆัง ๑ หลัง
พระเสียงพำนักอยู่ ๖ พรรษาก็ลาสิกขาบทออกไป ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ พระเกรียงไกร พิมพ์สาร ( กตปุญโญ )
มาเป็นเจ้าอาวาสแทน มีพระสังข์ สีลวโรเป็นพระลูกวัด ในช่วงนี้ได้ก่อสร้างกุฏิขึ้น ๑ หลัง ทางด้านทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือ มีนายเติม สิ้นภัยเป็นผู้ใหญ่บ้าน ถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๘ พระเกรียงไกรจึงลาสิกขาบท
ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ พระธีระราช จกกวโร ( นารักษ์ ) ได้อุปสมบทและมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงพระธีระราช จกกวโรจำพรรษาอยู่วัดนี้ ๒๖ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ทางวัดและชาวบ้านโนนบก
นำโดยนายปัญญา หอมหวล ผู้ใหญ่บ้านได้ร่วมกันก่อสร้างเมรุ ๑ หลัง ศาลานาบุญ ๑ หลัง ในปี พ.ศ.
๒๕๕๒ ได้สร้างซุ้มประตูด้านทิศเหนือของวัด และปรับปรุงหอฉันใหม่แทนหลังเก่าที่ทรุดโทรม ช่วงนั้นมี
นายอุดร หลักสิมเป็นผู้ใหญ่บ้าน นายอุดร หลักสิมเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ ๒ ปีก็ถึงแก่กรรม นายสงวน นิกุล
เป็นผู้ใหญ่บ้านสืบแทนจนถึงปัจจุบัน ในช่วงนี้วัดได้ก่อสร้างกุฏิขึ้น ๑ หลัง และห้องน้ำ - ส้วม คอนกรีต
อีก ๑ หลัง
       ในด้านเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของวัดโนนบกใน ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ทางราชการได้สำรวจรังวัดที่ดิน
ได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( น.ส.๓ ก.) ระบุชื่อเป็น วัดบ้านโนนบก ตำบล คอนสาย อำเภอ
ตระการพืชผล เนื้อที่ ๓ ไร่ ๐ งาน ๑๐ ตารางวา เมื่อวันที่ ๑๐ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๙
ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ทางราชการได้ประกาศแยกตำบลคอนสายออกเป็นตำบลบ้านแดง บ้านโนนบก
ปัจจุบันนี้จึงเป็นบ้านโนนบก หมู่ที่ ๖ ตำบล บ้านแดง สาเหตุที่ไม่มีชื่อในทะเบียนวัด เพราะเป็นวัดตก
สำรวจ หรือช่วงสำรวจเป็นวัดร้างอยู่จึงไม่สำรวจเข้าไปส่วนกลาง และเป็นความเข้าใจผิดของวัดและชาวบ้าน
ว่าวัดมีเนื้อที่ไม่ถึง ๖ ไร่ ขอสร้างวัด/ตั้งวัดไม่ได้ จึงไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนวัดร้างมาเป็นเวลานาน

วัดโนนบกในตั้งแต่ก่อตั้งเป็นวัดมาจนถึงปัจจุบัน มีเจ้าอาวาสและประธานสงฆ์เรียงลำดับ
๑. พระอาจารย์คำ แก้วประกอบ( ไม่ทราบฉายา ) พ.ศ. ๒๔๗๑ - ๒๔๗๓
๒. พระนา ติสสว์โส พ.ศ. ๒๔๗๓ - ๒๔๘๓ ( ระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ - ๒๔๘๙ เป็นวัดร้าง )
๓. พระเรือง สัมมาวงค์ ( ธมฺมเตโช ) พ.ศ. ๒๔๘๙ - ๒๔๙๖
๔. หลวงโหว่ อานนโท พ.ศ. ๒๔๙๖ - ๒๕๐๑
๕. หลวงปู่แท่ง ปริสุทฺโธ พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๐๗
๖. หลวงปู่บุตร ขนฺติโก พ.ศ. ๒๕๐๗ - ๒๕๓๐
๗. พระอาจารย์เสียง สุจิตฺโต พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๕
๘. พระอาจารย์เกรียงไกร กตปุญโญ พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๓๘
๙. พระอาจารย์ธีระราช จกฺกวโร พ.ศ. ๒๕๓๘ - ปัจจุบัน
       ในด้านการศึกษาและอบรมหลักธรรมแก่ประชาชนนั้น ทุกวันธรรมสวนะจะมีผู้มาทำบุญฟังเทศน์ ถือศีล และปฏิบัติธรรมเฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๒๐ คน แต่ถ้าเป็นช่วงเข้าพรรษาจะมีมากขึ้นไม่น้อยกว่า ๔๐ คน ส่วนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษาวันออกพรรษา ฯลฯ จะมีชาวบ้านมาทำบุญ ฟังเทศน์และปฏิบัติธรรม โดยเฉลี่ยประมาณ ๙๐ คนทุกปีชาวบ้านจะนำบุตรหลานมาอุปสมบทเพื่อศึกษาหลักธรรมและน้อมนำไปเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ดีมีคุณค่า เฉลี่ยปีหนึ่ง ๆไม่ต่ำกว่า ๒ - ๓ คนตั้งแต่มีการบูรณะฟื้นฟูวัดขึ้นมาใหม่ ได้รับความร่วมมือและอุปถัมภ์บำรุงจากชาวบ้านโนนบก หมู่บ้าน / ตำบลใกล้เคียง และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นอย่างดียิ่ง ตลอดจนส่วนราชการ สถานศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชนก็ได้ส่งเสริมสนับสนุนเป็นอย่างดีด้วย