

พระพุทธรูปภายในวิหาร

วิหารวัดวังโป่ง



ประวัติวัดวังโป่ง
ประวัติและความเป็นมาของวัดวังโป่ง วัดวังโป่งเดิมชื่อ "วัดลอมต้นม่วง" ประชากรในสมัยนั้นได้อพยพถิ่นฐานมาจากบ้านธรรมเมืองเวียงโกศัยและบ้านกาศ อำเภอสูงเม่น มีประชากรประมาณ ๓๐ กว่าหลังคาเรือน ยึดหลักประกอบอาชีพ กสิกร ทำไร่ ทำนาเลี้ยงชีพ
สภาพภูมิประเทศ บริเวณที่อยู่อาศัยเป็นป่ารกทึบ ราษฎรต้องอาศัยตามลำน้ำแม่คำมี เพราะต้องอาศัยลำน้ำแม่คำมีหล่อเลี้ยงชีพ ซึ่งมีขุนน้ำอยู่ที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน วัดลอมต้นม่วงตั้งอยู่กลางทุ่งนาบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านวังโป่ง (ปัจจุบัน) ต่อมาชาวบ้านได้ทำการบุกรุกที่นาเพื่อประกอบการทำมาหากิน ใกล้วัดเข้าไปทุกขณะจนเนื้อที่บริเวณวัดเหลือไม่มากนัก เพราะชาวบ้านได้บุกเบิกเป็นที่นาล้อมรอบไปหมด การเดินทางไปมาจึงลำบาก
ในสมัยนั้นได้มีคณะทำงานหมอนไม้ คือบริษัท อิ๊สเอเชียติก กับ บริษัท ป่าไม้ล่ำชำจำกัด มาเป็นผู้ประมูลไม้สักโดยการนำของเจ้าเมืองแพร่ คือเจ้าพระยาบุรีรัตน์กับเจ้าแม่บัวคำเป็นผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองทรัพย์สมบัติมาทำการรับเหมาสัมปทาน ทำไม้สักบริเวณทิศตะวันออกของลำน้ำห้วยแม่คำมี อาศัยเอาท่อนไม้ซุงที่ตัดมานั้นล่องซุงตามลำน้ำแม่คำมี ลงไปสู่แม่น้ำยมอีกทอดหนึ่งซึ่งชาวบ้านพากันเรียกคนรับเหมาว่า "นายห้าง"

ในปี พ.ศ. ๒๓๔๖ เจ้าเมืองแพร่คือ เจ้าพระยาบุรีรัตน์และเจ้าแม่บัวคำ จึงได้คิดค้นบูรณะสร้างอารามขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ประกอบศาสนกิจ ของชาวพุทธ โดยได้ย้ายวัดจากวัดลอมต้นม่วงเป็นอารามแห่งใหม่ เป็นแห่งแรกของอำเภอร้องกวาง มีชาวบ้านกาศ บ้านวังโป่งบ้านร้องกวางและบ้านใกล้ๆ มาร่วมทำบุญในวัดนี้ โดยมีท่านพระพุทธวงศ์ศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดรูปแรกให้การสนับสนุน ริเริ่มสร้างอารามนั้นขึ้นมาจากนั้นก็มีเจ้าวังซ้ายกับแม่แก้ววรรณา เป็นผู้รับช่วงอุปถัมภ์ บำรุงวัดวาอารามให้เจริญรุ่งเรือง ต่อจากนั้นก็มีเจ้าน้อยต้น กับแม่เจ้าก้อมได้ร่วมกับชาวบ้านพัฒนาวัดมาอย่างต่อเนื่องตลอดมา วัดนี้สร้างด้วยอิฐโบราณหลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ด เสาวิหารวัดใช้ไม้ตะเคียน
ต่อมาได้ทำการบูรณะวัดมาตลอดเวลาโดยการนำของผู้ใหญ่บ้านกาศและบ้านวังโป่ง คือนายอุ่นใจ มูลเมือง กับนายสม สัจจมงคลในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยการนำของนายจรัล สิทธิหล่อ ผู้ใหญ่บ้านพร้อมคณะศรัทธาได้มีมติตกลงให้ทำการขยายวิหารให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมีบันได ขึ้นลง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล้วเปลี่ยนหลังคาอุโบสถ
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ วัดวังโป่ง ได้ขึ้นทะเบียนของกรมการศาสนาได้รับพระราชวิสุงคะสีมา ฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๓๑ พร้อมกับได้ทำการฉลองพัดยศพระราชทานพระครู ปิยะธัมโม ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยการนำของนายจรัล สิทธิ หล่อ กับนายชัยวัฒน์ มูลเมือง ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมทั้งคณะศรัทธาบ้านวังโป่งจัดตั้งองค์ผ้าป่าเพื่อนำเงินที่ได้มาสร้างศาลาการเปรียญ ซึ่งทำเป็นโครงสร้างไว้ ก่อนค่อยต่อเติมเมื่อหาเงินมาสมทบได้

ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๓๖ โดยการนำของนายชัยวัฒน์ มูลเมือง กับนายสัมฤทธิ์ สัจจมงคล ผู้ใหญ่บ้านพร้อมคณะศรัทธาได้ปรับปรุงบริเวณศาลาทำการก่อสร้างเพิ่มเติมจนสร้างศาลาการเปรียญเสร็จในเวลาต่อมาได้ร่วมกันสร้างซุ้มประตูหน้าวัด ทำด้วยเสาไม้จนแล้วเสร็จ
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ - ๒๕๔๐ ได้ทำการก่อสร้างและปรับปรุงศาลาการเปรียญอีกครั้งหนึ่ง ปูกระเบื้องพื้นของศาลา และได้เริ่มทำการก่อสร้างกำแพงวัดทางด้านหน้า ด้านข้างทิศเหนือและทิศใต้ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๔๘ โดยการนำของนายชัยวัฒน์ มูลเมือง กับนายพินิจ ทะสุมา พร้อมคณะศรัทธา ได้จัดหางบประมาณมาเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงหลังคาโบสถ์เป็นกระเบื้องดินขอ(เคลือบใส)และทำการยกช่อฟ้าใบระกาด้วย
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ โดยการนำของนายชัยวัฒน์ มูลเมือง กับนายศักดิ์สิทธิ์ บุญคำ พร้อมคณะศรัทธาบ้านกาศใต้และบ้านวังโป่งและคณะผ้าป่าสามัคคีจากกรุงเทพฯ โดยการนำของ ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ได้นำเงินมาทำการก่อสร้างซุ้มประตูวัดสร้างหอระฆังจนเป็นที่แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ทำการเฉลิมฉลอง สมโภชวัดวังโป่งอายุครบ ๒๐๙ ปี
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยการนำของ ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ พร้อมด้วยครอบครัว และคณะศรัทธาได้ สร้างกุฏิสำหรับที่พักของพระสงฆ์ ๑ หลัง สร้างบันไดนาคขึ้นมาจากลำน้ำแม่คำมีทางทิศตะวันออกของวัด
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๕ เมษายน ได้ทำบุญฉลองกุฏิ, บันไดนาค และฉลองสมณะศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท "พระครูวรบุณยากร" เจ้าอาวาสวัดวังโป่ง
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างเดือน มิถุนายน - กันยายน ได้รับงบประมาณมาเพื่อทำการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบบริเวณวัดวังโป่งงบประมาณ ๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านแปดแสนบาทถ้วน) โดยการสนับสนุนของ ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยงและกีฬาในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างเดือน ตุลาคม - มีนาคม โดยการนำของนายชัยวัฒน์ มูลเมือง กับนายศักดิ์สิทธิ์ บุญคำ พร้อมคณะศรัทธาได้ร่วมกันสร้างนาค รอบบริเวณอุโบสถของวัด
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๐ วัดวังโป่ง ได้งบประมาณมาสร้างฝายกั้นน้ำ โดยการผลักดันและประสานงานของ ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ และมีชาวบ้านได้บริจาคที่ดินสำหรับสร้างฝายกั้นน้ำ โดยใช้งบประมาณของกรมชลประทานจำนวนเงิน ๓๕,๑๖๐,๐๐๐ บาท (สามสิบห้าล้านหนึ่งแสนหกหมื่นบาทถ้วน) หลังจากสร้างฝายและปรับพื้นที่บริเวณฝั่งน้ำด้านหน้าและด้านหลังของฝายกั้นน้ำทำให้บันไดนาคที่สร้างขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ชำรุดได้ทำการรื้อถอนและสร้างบันไดนาคเพิ่มเติมบางส่วนโดยใช้งบประมาณของวัดและคณะศรัทธาผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดนาคขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จ
ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๐ เมษายน โดยการนำของนายชัยวัฒน์ มูลเมือง กับนางภรธนา เป็นดี พร้อมคณะศรัทธาได้ร่วมกันเปิดป้ายฝายกั้นน้ำและฉลองบันไดนาค
พระสีวลีเถระ

พระพุทธรูปภายในศาลาการเปรียญ

ศาลาการเปรียญ


หอระฆัง หอกลอง

วิหารพระแก้วมรกต



รายนามเจ้าอาวาสวัดวังโป่ง
รูปที่ ๑. พระอุปนันท์
รูปที่ ๒. พระไขยลังกา
รูปที่ ๓. พระเตพ
รูปที่ ๔. พระอภิชัย
รูปที่ ๕. พระยาวิชัย
รูปที่ ๖. พระสีธิ
รูปที่ ๗. พระอภิวงค์
รูปที่ ๘. พระไชยกุล
รูปที่ ๙. พระมณีวรรณ
รูปที่ ๑๐. พระธรรมกิตติ
รูปที่ ๑๑. พระไชยวุฒิ
รูปที่ ๑๒. พระอนันตา
รูปที่ ๑๓. พระอุตธิยะ
รูปที่ ๑๔. พระอินทร์ สุวิตโต
รูปที่ ๑๕.พระแค้น สุ่ริโย
รูปที่ ๑๖.พระสม สมฺมสฺโส
รูปที่ ๑๗.พระคำ สารธมฺโม
รูปที่ ๑๘ . พระคำ (ไผ่ย้อย)
รูปที่ ๑๙. พระคำมูล สุภทฺโภ พ.ศ. พ.ศ. ๒๔๙๐-๒๔๙๗
รูปที่ ๒๐. พระหมวก วฑฺฑโน พ.ศ. ๒๔๘๗ - ๒๔๙๘
รูปที่ ๒๑. พระสม อตฺตโสภโน พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๔๙๙
รูปที่ ๒๒. พระวิฑูร เขมวโร พ.ศ. ๒๔๙๙ - ๒๕๐๑
รูปที่ ๒๓. พระเสาร์ สัญญจิตฺโต พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๐๓
รูปที่ ๒๔. พระทา ศิริธมฺโม พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔
รูปที่ ๒๕. พระอำนวย สุภาจาโร พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๑๓
รูปที่ ๒๖. พระครูปิยธรรมวงศ์(บุญปั้น) พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒๕๓๖
รูปที่ ๒๗. พระอธิการอำนวย สุจิตฺโต พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๔๑
รูปที่ ๒๘. พระเฉลิม ปกสฺสโร พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๔๗
รูปที่ ๒๙. พระครวรบุญญากว(บุญเทิน) พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๖๔
รูปที่ ๓๐. พระอธิการปุณญพัฒน์ สุทธฺจิตฺโต พ.ศ. ๒๕๖๔
พระอธิการปุณญพัฒน์ สุทธจิตโต
เจ้าอาวาสวัดวังโป่ง

ซุ้มประตู



หอเจ้าพ่อหมื่นปื้น


ประตูเมืองเก่า




กุฏิหลังใหญ่

งานสมโภชวัดวังโป่ง
๓๑ ตุลาคม – ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๘







ลำแม่น้ำคำมี
ฝายบ้านวังโป่ง – บ้านกาศใต้
ท่าน้ำวัดวังโป่ง




