
ประวัติวัดหนองบัว
วัดหนองบัว ตั้งอยู่เลขที่ ๓๔๙ ถนนเทศบาล ๑ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิหาย
มีเนื้อที่ทั้งหมดจำนวน ๑๕ ไร่ ๑ งาน ๒๐ ตารางวา ตามใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) เลขที่ ๑๘๘๐

ชื่อดั้งเดิมของวัดหรือชื่อเก่าที่ชาวบ้านเคยเรียกและมูลแห่งที่มาของวัด
วัดหนองบัว แต่เดิมมีชื่อว่า วัดตระเปียงโชค หรือวัดโชค ตามภาษาเรียกของคนพื้นบ้านในสมัยนั้น (ตระเชียงโชค: เป็นภาษาพื้นบ้านสุรินทร์ ซึ่งแปลว่า"หนองบัว" ส่วนคำว่า "โชค" หมายถึง "บัว"หรือ "ดอกบัว") สาเหตุที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดตระเปียงโชคนั้น เม่งเรบาวบำหริย เพราะชาวบ้านเรียกให้คล้องจองกับวัตถุที่อยู่ใกล้วัด หรือ เป็นสัญลักษณ์ของวัดนั้นเอง บริเวณด้านข้างวัดหนองบัว ฝั่งทิศเหนือมีหนองน้ำขนาดใหญ่ ในหนองน้ำมีดอกบัวผลิดอกออกผลบานสะพรั่งเต็มหนองน้ำชาวบ้านแถวนั้นก็ได้อาศัยน้ำจากหนองน้ำแห่งนี้ เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค
วัดหนองบัว เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญ ซึ่งอยู่นอกกำแพงเมือง-คูเมืองชั้นนอก เป็นวัดที่อยู่นอกตวเมืองสุรินทร์ (ในสมัยนั้น) หรือจะเรียกว่าชานเมืองก็ได้ โดยแรกเริ่มก่อนที่จะมีการสร้างวัดขึ้นมานั้น มีหลวงพ่ออวน เป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดแห่งนี้เป็นองค์แรก โดยหลวงพ่ออวน ได้รับการบริจาคที่ดิน ซึ่งเป็นทุ่งนาของชาวบ้าน เพื่อให้สร้างเป็นวัด จากศรัทธาการบริจาคของคุณยายหมึก เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๓๕๙
ในด้านสภาพความเป็นอยู่ของวัดหนองบัวในสมัยนั้น แม้วัดหนองบัวจะมีการเริ่มสร้างเป็นวัดขึ้นมากลวก็ตาม แต่สถานที่ของรัดนั้น เป็นพื้นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมทุกปี ประกอบกับสถานที่วัดนั้น เป็นวัดที่อยู่นอกกำแพงเมืองสุรินทร์ด้วย ผู้คนจะไปทำบุญให้ทานในจัดจะต้องเดินข้ามสะพานขนาดเล็กและมีความยากลำบากในการสัญจร ทางวัดจึงได้พัฒนาปรับปรุงถาวรวัตถุ และทำการถมดินปรับปรุงพื้นที่ให้สูงขึ้นตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบัน

ยุคริเริ่มสร้างวัด
พุทธศักราช ๒๓๕๙ วัดหนองบัว ได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นวัด เมื่อวันที่ ๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๕๙
พุทธศักราช ๒๓๘๙ กระทรวงศึกษาธิการประกาศพระราชทานริสุงคามสีมา เป็นวัดสมบูรณ์ เมื่อวันที่ ๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๘๙
พุทธศักราช ๒๕๑๙ ต่อมาเมื่ออุโบสถได้ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลาหลายปี เกิดชำรุดทรุดโทรมตามลำดับ คณะกรรมการรัดจึงประชุมปรึกษากันเห็นควรทำการรื้อถอน และดำเนินการสร้างใหม่ขึ้นมาทดแทน จึงได้รื้อถออุโบสถหลังเก่าออก และดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ โดยย้ายออกจากที่เดิม
พุทธศักราช ๒๕๒๑ ทางคณะกรรมการวัด จึงขอพระราชทานวิสงดามสีมาขึ้นใหม่ และได้รับพระราชทานตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๕ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๒๑ โดยอุโบสถหลังใหม่นี้มีขนาดกว้าง ๒๔ เมตร ยาว ๔๐ เมตร
ลักษณะพื้นที่และอาณาเขตของวัด
ลักษณะโดยทั่วไปของวัดหนองบัว เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำ เดิมทีนั้นตั้งอยู่กลางทุ่งนาแวดล้อมไปด้วยหนองน้ำที่มีดอกบัวและป่าไผ่ อยู่ในท่ามกลางป่าช้า สถานที่ฝังศพของคนในเมืองสุรินทร์สมัยนั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ ในฤดูฝนน้ำจะท่วม การสัญจรไปมาไม่สะดวกสบาย วัดหนองบัวจึงเป็นวัดที่เงียบสงัดปราศจากผู้คนสัญจรไปมา เหมาะแก่การปฏิบัติสมณธรรมของภิกษุสงฆ์ในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก
อาณาเขตของวัดหนองบัว
ทิศเหนือ ประมาณ ๔ เส้น ๓ วา จดทางสาธารณประโยชน์
ทิศตะวันออก ประมาณ ๔ เส้น ๗ วา ๒ ศอก จดที่ดินเอกชน
ทิศใต้ ประมาณ ๔ เส้น ๑๔ วา ๒ ศอก จดถนนเทศบาล ๑
ทิศตะวันตก ประมาณ ๔ เส้น ๑๒ วา ๒ ศอก จดที่ดินของคุณแม่กาหลง ศรีสุรินทร์

ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุที่สำคัญภายในวัด
วัดหนองบัว เป็นวัดที่มีปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ ที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ดังนี้
๑.พระพุทธศรีประทายสมันต์ เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์เก่าแก่คู่วัดหนองบัว ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด เดิมพระพุทธศรีประทายสมันต์ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังเก่ามาตั้งแต่กำเนิดวัดหนองบัว เดิมเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่มีขนาดเล็ก ไม่เหมาะสมที่จะประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ ปี พ.ศ.๒๔๒๕ ทางวัดจึงได้เชิญช่างมาจากเมืองอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา มาทำการโชกปูนและหล่อทับด้วยสัมฤทธิ์ เพื่อให้พระพุทธศรีประทายสมันต์มีขนาดใหญ่ขึ้นดังปัจจุบัน
๒.วิหารศรีสุรินทร์ เป็นอาคารยกพื้นชั้นเดียว ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น "หลวงพ่อยิ้ม" ซึ่งยกมาปั้นใหม่ จากอุโบสถหลังเก่า มีความกว้าง ๔ เมตร ยาว ๘ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔
๓.พระพุทธชินราชจำลอง เป็นพระประธานในอุโบสถ สร้างขึ้นเมื่อ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๐
๔.มณฑปพระครญาณวิริยาคม (หลวงปู่เวียน วิญญาโณ) ภายในจัดแสดงประวัติและรูปหล่อหลวงปู่เวียน ท่านมีความสามารถในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเป็นผู้เชี่ยวชาญในเวทมนต์คาถา และการใช้สมุนไพร พุทธศาสนิกชนมีความเคารพเลื่อมใสศรัทธาท่านมาก
ในปัจจุบันวัดหนองบัวมีความเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับ มีการสร้างศาสนวัตถุ อาคาร สถานที่ต่างๆภายในวัด เพื่อบริการประชาชนและยังเป็นวัดที่มีพื้นที่อยู่ใจกลางเมือง มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย และมีการพัฒนาในด้านต่างๆ จนถึงปัจจุบัน
พระพุทธศรีประทายสมันต์
พระพุทธรูปเก่าแก่คู่เมืองสุรินทร์
ประดิษฐาน ณ กุฏิญาณวิริยาคม (กุฏิเจ้าอาวาส)




พระประธานภายในอุโบสถ



พระประธานภายในศาลาการเปรียญ


ปูชนียวัตถุภายในวัด





อุโบสถ




ศาลาการเปรียญ



พระครูญาณวิริยาคม (หลวงปู่เวียน)
มณฑปหลวงปู่เวียน

ประวัติ
นามเดิม เวียน นามสกุล อินทนูจิต
เกิดวันเสาร์ที่ ๑๖ ตลาคม ๒๔๓๙ ปีวอก
ณ หมู่บ้านโคกสูง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สรินทร์
เป็นบุตรคนที่ ๒ ของ คุณพ่อสอด-คุณแม่อุ อินทนูจิต
วุฒิการศึกษา ป.๔ น.ธ. ตรี
เข้าสู่บรรพชิต พ.ศ. ๒๔๕๗
มรณะภาพ พ.ศ. ๒๕๒๖
รวมอายุ ๘๘ ปี

บรรพชิต
บรรพชา พ.ศ. ๒๔๕๗
พระอุปฌาย์ พระครุวิมลศีลพรต ณ อุโบสถวัดพรหมสุรินทร์ วัดหนองบัว ๒๔๕๗-๒๔๖๑ ออกจาริกเดินธุดงค์ป่าทางอิสานตอนล่างทั่วทั้งหมดเพื่อศึกษาความรู้เรื่องยาสมุนไพรและคาถาอาคมที่จะนำมารักษาคนที่ทนทุกข์ทรมานจากอิสานสู่แดนพม่า เชียงตุง เขียงแสน ไทยน้อย ไทยใหญ่ เอเชียบูรพาบางส่วน กลับสู่ประเทศลาวช่วงหนึ่ง กลับสู่ประเทศไทยทางเหนือแถวถ้ำเชียงดาว ภูเขาบางลูกของภาคเหนือ กลับเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ปี พ.ศ.๒๔๗๖
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระครูญาณวิริยาคม
สุดท้ายพระราชทานเพลิงศพ ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ รวม ๖๙ พรรษา



หอระฆัง

พระครูอนุวัตปัญญาภรณ์ (หาด ปญฺญาวโร)
เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์


ซุ้มประตู

โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดหนองบัวสุรินทร์


อาคารเสนาสนะ





กุฏิเจ้าอาวาส

กุฏิสงฆ์



