

อุโบสถ

อุโบสถ รูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปกรรมล้านนาประยุกต์สร้างขึ้นในปี พุทธศักราช ๒๕๑๕






หลวงพ่อสามพี่น้อง
พระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารพิชัยศิลปเชียงแสน
สร้างขึ้นในปี พุทธศักราช ๒๔๖๕

ประวัติวัดสำเภา
บ้านสำเภา (ออกเสียง “บ้านสะเปา”) เดิมมีหมู่บ้านเก่าและปรากฏว่ามีวัดร้างริมฝั่งแม่น้ำแคม ที่ภายหลังได้บูรณะขึ้น
เป็นวัดสำเภา ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ได้ถูกกวาดต้อนไปช่วงสงคราม และลบลี้ภัยไปอยู่ที่อื่น เมื่อ พ.ศ. ๒๓๐๙ จึงถูกทิ้งร้างในป่าทึบ
ภายหลัง เมื่อมีการตั้หมู่บ้านเหมืองหม้อ เหมืองค่ากาซ้อง และบ้านสะบู ชาวเหมืองหม้อ ได้ขยายออกมาตั้งเรือนบรเวณนี้ เรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านเหมืองหม้อเหนือ” หรือ “บ้านเหนือ” หรือ “บ้านเก๊าเดื่อ” ต่อมาครูบาพระครูมหาญาณสทธิ์ (ครูบาคันธา) เจ้าอาวาส
วัดเหมืองหม้อ จึงขอแรงชาวบ้านแผ้วถางพื้นที่ป่าถึบริมฝั่งแม่แคมให้เป็นลานกว้างไว้สาหรับเข้ารุกขมูลประจำปี
ขณะเดียวกัน ในช่วงวันปีใหม่ (สงกรานต์) กลุ่มผู้ชายก็จะใช้ลานกว้างนี้เป็น “ช่วงเจิง” ที่ฝึกศิลปะต่อสู้ป้องกันตัว เช่น ตบมะผาบฟ้อนเจง เจองดาบ และ เจิงหอก จึงเริ่มมีชาวบ้านจากหมู่บ้านรายรอบ ทั้งบ้านเหมืองหม้อ บ้านเหมืองค่า บ้านสะบู และบ้านกาซ้อง เข้ามาบุกพื้นที่
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๔๖ “ครูบามังคาละ” บ่อคำ ได้เดินธุดงค์กลับมาจากเมืองเชียงแสน มาจำพรรษาวัดร้างแห่งนี้ หนานยศ (หนานโต๊ะ) บ่อคำ ผู้ใหญ่บ้านสำเภาคนแรกเห็นว่าบ้านสำเภาที่ตั้งขึ้นใหม่ ยังไม่มีวัดประจำหมู่บ้าน
หนานยศ (หนานโต๊ะ) บ่อคำ ผู้ใหญ่บ้านสำเภาได้นำชาวบ้านสาเภา บูรณะวัดร้างขึ้นในวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ ปีเหม้า (เถาะ) พร้อมกับว่าจ้างช่างจากเมืองเชียงใหม่ ทำการบูรณะวัดสำเภา โดยมีพระครูมหาญาณสิทธิ์ (ครูบาคันธา) วัดเหมืองหม้อเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว พระครูมหาญาณสิทธิ์ได้มอบหมายให้ (“ครูบามังคาละ” บ่อคำ) เป็นเจ้าอาวาสวัดสำเภารูปแรก พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๗๕ ได้ตั้งชื่อวัด ตามชื่อหมู่บ้านว่า “สำเภา”
และด้วยข่วงเจงอยู่ด้านหลังวัก จึงเรียกสร้อยนามของวัดว่า “วัดสำเภาข่วงเจิง” (วัดสะเปาข่วงเจิง)
ต่อมา พ่อมหาวัน เหมืองหม้อ พ่อวัง เหมืองหม้อ พ่อวงจักร เหมืองหม้อ สามพี่น้อง ได้ช่วยกันสร้างพระพุทธรูป ๓ องค์ ในวิหารวัดสำเภา เพื่อเป็นที่ สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน และเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ครูบารส ดวงแก้ว เป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ได้จัดให้มีการฉลองสมโภชพอถึงสมัย ครูบาทอง ชุ่มเย็น ได้สร้างกุฏิ ๑ หลัง ก่อเสาอิฐเป็นปูน หลังคามุงด้วยกระเบื่อดินเผา เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว ๕ ห้อง ต่อมาหลังคารั่วและเริ่มชำรุดทรุดโทรมลงและได้รื้อสร้างกุฎิใหม่ ๒ ชั้น ๑๑ ห้อง
พระธาตุรัตมณีสะหลีกุมภา

พระธาตุรัตมณีสะหลีกุมภา เป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐขนาดกลาง มีแบบแผนสถาปัตยกรรม แบบเชียงแสน-สุโขทัย เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมไม้สีบสอง เนื้อฐานบัวย่อเก็จ เป็นชั้นมาลับเถาแบบบัวถลาสามชั้น มีบัลลังก์ฉัตรคอน้ำ ต่อด้วยปล่องไฉน ๙ ชั้น มีบัวหงายรับปลียอด ยอดเจดีย์เป็นลักษณะช่อดอกไม้เงินดอกไม้ทอง ซึ่งเป็นแบบเดียวกับยอดพระเจดีย์พระธาตุช่อแฮเป็นศิลปกรรมชาวเมืองแพร่อย่างชัดเจน สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. ๒๕๖๕



ขอเชิญไหว้ อธิษฐาน ขอพร
สามพระอรหันต์บรรดาลโชค
สามพระอรหันต์บันดาลโชค ความสำเร็จ พระพุทธรูปปูนปั้น สร้างขึ้นในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
พระอุปคุต

พระสังกัจจายน์

พระสีวลี

พระอุปคุตปางธุดงค์

พระอุปคุตปางธุดงค์ บันดาลโชคลาภ ความสงบร่มเย็น
สร้างขึ้นในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖

ศาลาประชาร่วมใจ

หอระฆัง

รูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปกรรมล้านนา-ล้านช้าง
สร้างขึ้นในปี พุทธศักราช ๒๕๕๐
มณฑป พระครูสันติธรรมานุยุต

รูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปกรรมรัตนโกสินทร์ร่วมสมัย
สร้างขึ้นในปี พุทธศักราช ๒๕๕๓

ภาพเก่าในอดีตวัดสำเภา


รายนามเจ้าอาวาสวัดสำเภา
๑. ครูบาพุทธวงค์ (ครูบามังคาละ บ่อคำ) พ.ศ. ๒๔๕๖ – ๒๔๗๕
๒. ครูบาคันธรส ดวงแก้ว พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๔๗๖
๓. ครูบาทอง ชุ่มเย็น พ.ศ. ๒๔๗๖ – ๒๔๙๗
๔. พระครูสันตธรรมานุยุต (หมื่น จิตฺตธมฺโม) พ.ศ. ๒๔๙๗ – ๒๕๓๘
๕. พระครูใบฎีกาเสรี กตปุญโญ พ.ศ. ๒๕๓๘ – ๒๕๕๐
๖. พระทวี เทวธมฺโม พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๒
๗. พระครูสุเมธสิทธาภรณ์ (สุเมธโส) พ.ศ. ๒๕๕๒ – ปัจจุบัน
ซุ้มประตูวัด



กุฏิรวมใจสำเภาทอง






