ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
Wat Pa Ajeang Kra Pho Sub-district, Tha Tum District, Surin Province

ความเป็นมา
วัดป่าอาเจียง ตั้งอยู่ที่บ้านหนองบัว ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เดิมวัดป่าอาเจียงเป็นป่าช้าที่ใช้ฝังศพคนและศพช้าง ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ผู้ใหญ่เทียม อินทร์สำราญ คุณครูแสวงบุญเหลือ ผู้ใหญ่ดา จงใจงาม คุณครูพุฒ เที่ยงธรรม ได้นำพาชาวบ้านหนองบัวและบ้านตากลางเปิดเส้นทางสายใหม่ใกล้ป่าช้า โดยเป็นทางกฐินก่อน ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๓๕ พระครูปลัดเถรานุวัฒน์ (หลวงพ่อภาวนาพุทโธ) ได้นำพาญาติธรรมสายบุญมาร่วมจัดงานอุปสมบทหมู่แห่ด้วยขบวนช้างที่ป่าช้าแห่งนี้ มีนาคสมัครร่วมโครงการ ๒๐๐ รูป และเข้าไปปักกลดในป่าช้าแห่งนี้เป็นเวลา ๑๐ วัน ก่อนกลับคืนสู่วัดบ้านเกิดของตน

วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกใบประกาศรับรองอนุญาตให้ก่อสร้างเป็นวัดป่าอาเจียง และในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ประกาศรับรองให้เป็นวัดป่าอาเจียงอย่างเป็นทางการ เหตุที่ให้ชื่อว่า “วัดป่าอาเจียง” เพราะ อาเจียง แปลว่า ช้าง กล่าวคือ สถานที่สร้างวัดแห่งนี้ช้างเป็นผู้ให้ ช้างเป็นเจ้าของวัด และยังหมายถึง สถานที่ล้อมรอบบริเวณ ๓ เหลี่ยมอำเภอผู้คนรู้จักเพราะบุญบารมีของช้างอีกด้วย

สุสานช้าง
ปัจจุบันมีโครงกระดูกช้างมาเก็บเข้าหลุมแล้ว ๑๕๓ เชือก หากนับรวมกับศพที่ฝังไว้บริเวณสุสานจะมีศพช้างมากกว่า ๑๖๐ เชือก
ศาลาเอราวัณ
ศาลาเอราวัณ คือ ศาลาการเปรียญเหมือนวัดทั่ว ๆ ไป เพียงแต่สร้างเป็นรูปช้างแฝดจุ่มจิ่ม แม่-ลูก ยกพื้นสูงประมาณ ๒.๕๐ เมตร ตัวอาคารเป็นแม่ช้าง ลูกช้างทั้งสองขนาบข้างในท่าหมอบกราบ

ประวัติหลวงพ่อ ดร.พระครูสมุห์หาญ ปัญญาธโร โดยสังเขป ดังนี้
ชื่อ ดร. พระครูสมุห์หาญ ฉายา ปญฺญาธโร สกุลเดิม หาญ ศาลางาม
ถือกำเนิด วันอังคารที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ ณ บ้านเลขที่ ๒๕ หมู่ที่ ๑๑ บ้านศาลา ตำบล กระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

บรรพชาอุปสมบท
วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๕ ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดแจ้งสว่าง (บ้านตากลาง) ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยพระครูสุวรรณ ปํญญาจารย์ เจ้าคณะตำบลกระโพ เป็นพระอุปฌาย์ พระพา ฐานวโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการสุข วิทสุทโธ เป็นพระอนุสาวนาจารย์เป็นระยะเวลา ๙ ปี และได้ลาสิกขาบทออกมาเป็นเวลา ๙ ปี อีกเช่นกัน วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๔ ได้อุปสมบทอีกเป็นครั้งที่ ๒ ณ พัทธสีมาวัดแจ้งสว่าง (บ้านตากลาง) โดยมีพระครูประภัศร์คณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอท่าตูมเป็นพระอุปฌาย์ พระครูมงคลรัตนากร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการสา ยโสธโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เนื่องจากสุขภาพไม่เอื้ออำนวยในการอยู่ครองเรือน จึงกลับมาอุปสมบทอีกครั้ง

ประวัติการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๐๘ จบการศึกษาภาคบังคับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนบ้านศาลา
พ.ศ. ๒๕๑๕ สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักวัดแจ้งสว่าง (บ้านตากลาง) จังหวัดสุรินทร์
พ.ศ. ๒๕๑๖ สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักวัดแจ้งสว่าง (บ้านตากลาง) จังหวัดสุรินทร์
พ.ศ. ๒๕๑๗ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักวัดแจ้งสว่าง (บ้านตากลาง) จังหวัดสุรินทร์
พ.ศ. ๒๕๑๙ จบการศึกษาผู้ใหญ่ระดับ ๔ จากโรงเรียนปริยัติธรรมโกศลวิทยา วัดกลางสุรินทร์

พ.ศ. ๒๕๒๓ จบการศึกษาผู้ใหญ่ระดับ ๕ จากโรงเรียนปริยัติธรรมโกศลวิทยา วัดกลางสุรินทร์
พ.ศ. ๒๕๒๕ สอบได้ประกาศนียบัตรพิเศษวิชาการศึกษา (พ.กศ.) จากกรมฝึกหัดครู
พ.ศ. ๒๕๒๗ สอบได้ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) จากกรมฝึกหัดครู
พ.ศ. ๒๕๔๒ จบพุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ.) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์วิทยาลัยวิทยาเขตสุรินทร์

พ. ศ ๒๕๕๘ จบมหาบัญฑิตจากมหาวิทยาลัยมหากุฏราชวิทยาลัยวิทยาเขตร้อยเอ็ด
พ. ศ ๒๕๔๙ ได้รับมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์
พ. ศ ๒๕๕๘ ได้รับปริญญาปรัชยาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์


