กลับไปหน้าหลัก

วัดโพธิ์ทองสุวรรณาวาส

ตำบลสระขุด อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์

Wat Pho Thong Suwannawat Ban Sa Khut Subdistrict, Chumphon Buri District, Surin Province

ชื่อวัดและความหมาย

เดิมวัดโพธิ์ทองสุวรรณาวาสชื่อ “วัดสระขุด” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดโพธิ์ทองสุทธาวาส” ภายหลังมีการทำป้ายวัดขึ้น บ้างว่าทางร้านทำผิดเพี้ยนไปเป็น “วัดโพธิ์ทองสุวรรณาวาส” แต่บ้างก็ว่าพี่ชายของ “นายหม่าน ไพรสุวรรณ” เดินทางไปขอผ้าป่าจึงคิดเปลี่ยนชื่อวัดให้ดูดีโดยเปลี่ยนเป็น “วัดโพธิ์ทองสุวรรณาวาส” โดยคำว่า โพธิ์ทอง มาจากวัดซึ่งมีต้นโพธิ์อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนคำว่า สุวรรณ มาจากนามสกุลของตนว่า ไพรสุวรรณ

สถานที่อาณาเขตวัด

เนื่องจากวัดมีอายุเก่ามากกว่า ๑๐๐ ปี จึงไม่สามารถยืนยันปีที่สร้างได้อย่างแน่ชัด แต่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ตนเกิดมาก็เห็นวัดนี้อยู่แล้ว โดยคำบอกเล่าแรกเล่าว่า วัดตั้งอยู่ที่สวนหลวงข้างเมรุในปัจจุบัน คำบอกเล่าที่สองเล่าว่า วัดไม่ได้ตั้งอยู่ในสวนหลวงแต่อยู่ไกลออกไปอีก จากนั้นจึงย้ายเข้ามาในปัจจุบัน

ถาวรวัตถุ

วัดโพธิ์ทองสุวรรณาวาสมีถาวรวัตถุ ประกอบด้วย กุฏิแบบเรือนเหย้า มีลักษณะหลังคามุงด้วยหญ้าคา ศาลาวัด กำแพงวัด หอระฆัง โบสถ์ ฌาปนสถาน รูปปั้น และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิ์ทองสุวรรณาวาส 

ประวัติพระครูสุวรรณกวีวงศ์

พระครูสุวรรณกวีวงศ์ เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุล ตรงกับวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ หมู่บ้านแคน ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ บิดาชื่อ นายสอน นันตะรัมย์ มารดาชื่อ นางสำราญ นันตะรัมย์

อุปสมบท

ท่านอุปสมบทตอนอายุ ๒๔ ปี เมื่อวันที่ ๗ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เวลา ๑๐.๒๐ น. ณ พันธสีมาวัดจินดามณี บ้านยาง ตำบลบ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี เจ้าอธิการสมหวัง เดชธมฺโม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการประสิทธิ์ นควโรและพระอธิการคารม สารคฺนฺโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “กวิวํโส”

การศึกษาพระปริยัติธรรม

ท่านสอบได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ และศึกษานักธรรมชั้นโท เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘

สมณศักดิ์

ท่านได้รับการแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาสองค์เก่าที่มรณภาพ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕

ผลงานและการบำรุงพระพุทธศาสนา

ท่านบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนและอบรมกุลบุตรกุลธิดาตลอดมาทุกปี นอกจากนี้ท่านยังร่วมมือกับญาติโยมพุทธศาสนิกชน ชาวบ้านตำบลสระขุด และตำบลใกล้เคียง โดยมีบริษัท โอสถสภาเต็กเฮงหยู เป็นโยมอุปถัมภ์ในการสร้างอุโบสถ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๐ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘